ดีแทคเผยปี 2553 ผลประกอบการดีที่สุดนับตั้งแต่เปิดดำเนินการ

ดีแทคเผยผลประกอบการปี 2553 ดีที่สุดนับตั้งแต่ดีแทคเปิดดำเนินการ ด้วยสถิติกำไรสุทธิสุงสุดในประวัติการณ์ 1.09 หมื่นล้านบาท

ดีแทคมีรายได้ในปี 2553 รวมทั้งสิ้น 7.24 หมื่นล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (YoY) เป็นผลจากการเติบโตของบริการ non-voice และการจำหน่ายสมาร์ทโฟน ด้านอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 35 อันเป็นผลจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้ มาตรการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเริ่มบันทึกค่าเชื่อมโยงโครงข่าย (IC: Interconnection Charge) กับ กสท./ฮัทช์ ตั้งแต่ไตรมาส 3/53

ตลอดปี 2553 ดีแทคสามารถสร้างกระแสเงินสดถึง 2.15 หมื่นล้านบาท (นิยามโดยกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA ลบด้วย รายจ่ายเพื่อการลงทุน หรือ CAPEX) เกินเป้ากระแสเงินสดที่เคยตั้งไว้ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท และผลจากการมีกระแสเงินที่แข็งแกร่งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลในอัตรา 3.21 บาทต่อหุ้น เพิ่มเติมจากที่เคยจ่ายไปแล้ว 0.56 บาทเมื่อปีที่แล้ว

ดีแทคมีลูกค้าใหม่ในปี 2553 ทั้งหมด 2 ล้านราย ทำให้มีจำนวนลูกค้าปัจจุบันรวม 21.6 ล้านราย

นายทอเร่ จอห์นเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “ปี 2553 นับเป็นปีที่ดีที่สุดของดีแทคนับตั้งแต่เปิดดำเนินการมา เรามีผลการดำเนินงานที่ประสพความสำเร็จเกินทุกเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ รายได้ของเราเติบโตขึ้นในระดับตัวเลข 2 หลัก ขณะเดียวกันยังสามารถบริหารรายจ่ายได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การบรรลุทุกเป้าหมายดังกล่าวทำให้ดีแทคมีกระแสเงินสดประจำปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้คณะกรรมการบริษัทมีมติที่จะเสนอเพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปีในอัตรา 3.21 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นอัตราที่สูงสุดที่บริษัทได้เคยจ่ายมา หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของกำไรสุทธิของปี ทั้งนี้ยังไม่รวมการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.56 บาทที่ได้จ่ายไปแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553”.