เคทีซีแจ้งผลประกอบการปี 2553 กำไรสุทธิ 224 ล้านบาท รายได้รวม 12,180 ล้านบาท ด้วยฐานสมาชิกรวมโตต่อเนื่องกว่า 2.26 ล้านบัญชี พอร์ตลูกหนี้สุทธิเท่ากับ 44,775 ล้านบาท อานิสงส์จากสินเชื่อบุคคลเพิ่มต่อเนื่อง ไม่หวั่นธุรกิจบัตรเครดิตแข่งเดือด เดินหน้าความเป็นผู้นำคะแนนสะสมและการทำตลาดแบบ One-on-One เป็นกลยุทธ์หลักทางการตลาด พร้อมพัฒนาระบบไอทีเสริมระบบปฏิบัติการเพื่อการบริการและระบบจัดการฐานข้อมูลอัจฉริยะเต็มประสิทธิภาพ เผยปี 2554 รีเฟรชแบรนด์สู่แบรนด์เปิด (Open Brand) ดึงสมาชิกและกลุ่มเครือข่ายร่วมสร้างแบรนด์ และออกแบบแคมเปญการตลาดเพื่อให้ถูกใจและโดนใจสมาชิกมากที่สุด
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในปี 2553 ที่ผ่านมา ประเทศไทยยังคงประสบกับปัญหาเศรษฐกิจการเมืองในประเทศต่อเนื่องจากปี 2552 และปัญหาอุทกภัยร้ายแรง แต่การบริโภคและการลงทุนยังอยู่ในช่วงขาขึ้น การจ้างงานอยู่ในเกณฑ์ดี งบประมาณรายจ่ายภาครัฐสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อผู้บริโภคให้เพิ่มขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไทย (รายงานจากบริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี ประเทศไทย) ได้สะท้อนถึงมุมมองของผู้บริโภคในเชิงบวก ทั้งโอกาสด้านการงานซึ่งมีความเชื่อมั่นว่าจะอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง สถานภาพทางการเงินและความสามารถในการจับจ่ายใช้สอย”
“ทั้งนี้ ภาพรวมของธุรกิจบัตรเครดิตในปีที่ผ่านมามีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง ผู้ประกอบการต่างจัดหาโปรโมชั่นเพื่อสร้างความแตกต่าง โดยส่วนใหญ่ใช้กลยุทธ์ด้านราคา ด้วยการใช้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าคู่แข่งในช่วงเวลาสั้นๆ เข้ามาจูงใจทำให้จำนวนบัตรเครดิตในประเทศไทยเมื่อปี 2553 ขยายตัวสูงขึ้นเป็น 14 ล้านบัตร หรือขยายตัว 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่มูลค่าลูกหนี้บัตรเครดิตและปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ออกโดยสถาบันการเงินในไทย ไม่รวมการเบิกเงินสดล่วงหน้า เท่ากับ 216,427 ล้านบาท และ 719,687 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 10% และ 16% ตามลำดับ (ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย) ในส่วนของสินเชื่อบุคคล สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐหรือธนาคารพาณิชย์ในประเทศเริ่มหันมาให้ความสนใจธุรกิจนี้เพิ่มขึ้น โดยต่างพยายามสรรหากลยุทธ์การตลาดมาจูงใจผู้บริโภค ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นการเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าคู่แข่งขันเช่นกัน”
“ในส่วนของเคทีซียังคงสามารถรักษาฐานรายได้รวม และมีจำนวนสมาชิกที่เติบโต จากการรักษาสภาพคล่องทางการเงินและดูแลคุณภาพลูกหนี้ให้สมดุล รวมทั้งการสรรหาแคมเปญกระตุ้นการใช้จ่าย การใช้คะแนนสะสม และการตลาดแบบตัวต่อตัว (One-on-One) มาเป็นกลยุทธ์หลักทางการตลาด เพื่อสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีการปรับกลยุทธ์เจาะกลุ่มรายได้ให้เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจเพื่อควบคุมคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ รวมถึงการพัฒนาระบบไอทีในการให้บริการและงานพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เช่น ศูนย์ให้บริการทางโทรศัพท์ ระบบลอยัลตี้ ระบบจัดการฐานข้อมูลอัจฉริยะ และระบบงานอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานที่มากขึ้น”
“สำหรับฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 48,541 ล้านบาท ลดลงจาก 49,828 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 พอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเท่ากับ 44,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 44,007 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2552 เนื่องจากผู้บริโภคเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น โดยปี 2553 เคทีซีมีกำไรสุทธิ 224 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.87 บาท ฐานสมาชิกรวม 2.26 ล้านบัญชี ประกอบด้วย บัตรเครดิต 1,725,789 บัตร ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 33,752 ล้านบาท / สินเชื่อบุคคล “เคทีซี แคช” เท่ากับ 529,983 บัญชี ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเคทีซี แคช สุทธิ 10,597 ล้านบาท และสินเชื่อเจ้าของกิจการ “เคทีซี มิลเลี่ยน” สุทธิ 119 ล้านบาท”
“ในปี 2553 บริษัทฯ มีรายได้รวม 12,180 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากรายได้ดอกเบี้ย (รวมรายได้ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) และรายได้ค่าธรรมเนียมมีจำนวน 7,985 ล้านบาท และ 3,078 ล้านบาท มีสัดส่วนคิดเป็น 66% และ 25% ของรายได้รวม สำหรับค่าใช้จ่ายรวมปี 2553 (ไม่รวมภาษีเงินได้) เท่ากับ 11,752 ล้านบาท ลดลงจาก 12,999 ล้านบาท เป็นผลจากการที่บริษัทฯ ได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นในปี 2552 รวมถึงการที่พอร์ตลูกหนี้ใหม่มีคุณภาพดีขึ้นและด้วยปริมาณพอร์ตที่เพิ่มขึ้นไม่มาก ดังนั้น จำนวนหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจึงมีมูลค่าลดลงค่อนข้างมากในปีนี้ และยังมีค่าใช้จ่ายด้านการเงินลดลง 5% จากปีก่อนหน้า แม้จะมีการเพิ่มกิจกรรมทางการตลาดในช่วงท้ายของปี ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ในปี 2553 เท่ากับ 47% เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนที่มี 43% แต่ค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทฯ ลดลง 10% จากปีก่อนหน้า”
“หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญมีจำนวน 4,073 ล้านบาท ลดลงจาก 5,604 ล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ ได้ตั้งสำรองจำนวนมากแล้วในปี 2552 ดังนั้นในปี 2553 จึงมีมูลค่าการตั้งสำรองที่ลดลงจากเดิม อย่างไรก็ตามยังคงบวกเพิ่มด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในอนาคต รวมถึงการเร่งการตัดหนี้สูญให้เร็วขึ้น โดยในปี 2553 บริษัทฯ มีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) จำนวนทั้งสิ้น 21,900 ล้านบาท และมีต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเฉลี่ยเท่ากับ 4.81% เพิ่มเล็กน้อยจาก 4.80% ณ สิ้นปีก่อนหน้า เนื่องจากพอร์ตลูกหนี้ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ทำให้จำนวนเงินกู้ยืมลดลง 5% เท่ากับ 39,355 ล้านบาท จาก 41,495 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2552”
“สำหรับนโยบายและทิศทางการทำธุรกิจในปี 2554 บริษัทฯ จะทำการรีเฟรชแบรนด์ เพื่อการเป็นโอเพ่น แบรนด์ (Open Brand) อย่างเต็มตัว โดยจะเปิดให้พันธมิตร สมาชิกและผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็นกับเคทีซี ในการพัฒนาแบรนด์ สร้างสรรค์แคมเปญการตลาดและโปรโมชั่นให้ตรงกับความต้องการของสมาชิกและผู้บริโภคมากที่สุด ตอกย้ำความเป็นผู้นำสถาบันการเงินที่ริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา โดยจะมีการปรับโลโก้ และคุณค่าของแบรนด์ (Brand Value) ให้สอดรับกับแนวคิดแบรนด์ (Brand Tagline) ใหม่ “we write the stories” รวมทั้งใช้กลยุทธ์การตลาดแบบเฉพาะราย สร้างมูลค่าเพิ่มที่เป็นประโยชน์กลับสู่กลุ่มลูกค้าทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล และมุ่งขยายฐานสู่กลุ่มสมาชิกใหม่ๆ ควบคู่กับการดูแลคุณภาพหนี้อย่างรัดกุม”