“หนองโพ” ท้าชิงผู้นำตลาด UHT เผยเทคโนโลยีการผลิตใหม่ล่าสุด

หนองโพ ปรับตัวตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคนมยูเอชที ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท เพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อสนองความต้องการผู้บริโภคและส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศ พร้อมมุ่งพัฒนาด้านคุณภาพเพื่อผลิตสินค้า ภายใต้ชื่อแบรนด์ “หนองโพ” นมโคแท้ๆ ที่มีแคลเซียมจากธรรมชาติสูง เตรียมชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม จากการกระจายสินค้าใหม่สู่ผู้บริโภคผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด คาดเติบโตร้อยละ 20 ในปีนี้

นายสมชาย ดำทะมิส ประธานสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) เผยว่า หลังจากการรีแบรนด์ในปี 2551 ด้วยการปรับเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้ง และโลโก้ของหนองโพจากวัวสีดำสลับขาว ตัวใหญ่ เงียบขรึม เป็นวัวอารมณ์ดี หนองโพ ก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในปีนี้ หนองโพ จึงตัดสินใจลงทุนเพิ่มด้านกำลังการผลิตโดยทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ในการซื้อเครื่องจักรเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อให้ปริมาณการผลิตทันกับความต้องการของตลาดนมยูเอชที ซึ่งผู้บริโภคสามารถเก็บได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็นและไม่ใส่สารกันบูด โดยหนองโพได้เลือกลงทุนเครื่องจักรกับบริษัท เต็ดตรา แพ้ค บริษัทชั้นนำจากยุโรปที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในขบวนการผลิตอาหารด้านระบบปลอดเชื้อที่ได้รับความเชื่อถือและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับโลก โดยเครื่องจักรใหม่ดังกล่าวมีเทคโนโลยีล้ำสมัยจากฝั่งยุโรป ถือว่าเป็นรุ่นที่พัฒนาล้ำหน้าที่สุดในขณะนี้ และได้รับการยืนยันด้านมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (USFDA)

“ปัจจุบันคนไทยนิยมดื่มกันมากขึ้น ถึงแม้จะยังเป็นปริมาณที่น้อยเมื่อเทียบกับประชากรในประเทศอื่นๆ แต่นั่นแสดงว่าตลาดนมของไทยมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ดังนั้น เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคและรองรับการขยายตัวดังกล่าว หนองโพ ได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีการผลิตเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตให้มากขึ้น จากกำลังผลิตสูงสุดที่ 7,500 กล่องต่อชั่วโมง ขณะนี้หนองโพมีเครื่องผลิตและบรรจุนมยูเอชทีที่มีความเร็วสูงถึง 24,000 กล่องต่อชั่วโมง หรือผลิตได้กว่า 100 ล้านกล่องต่อปี ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดของระบบนี้ในขณะนี้ พร้อมกันนี้เรายังลงทุนในส่วนของถังพักปลอดเชื้อเพื่อช่วยในการคงคุณค่าอาหารของผลิตภัณฑ์ การลงทุนครั้งนี้นอกจากจะช่วยในเพิ่มกำลังการผลิตให้ทันกับความต้องการผู้บริโภคแล้ว เทคโนโลยีล่าสุดนี้ยังช่วยประหยัดพลังงาน โดยสามารถลดการใช้พลังงานได้มากกว่าร้อยละ 50 และใช้เวลาในการผลิตน้อยลงกว่าเดิมมากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบจำนวนการผลิตที่เท่ากัน และด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้ปริมาณการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร ผู้เลี้ยงโคนมเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมเกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) ผู้ประกอบอาชีพพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้มีคุณภาพชีวิตและรายได้ที่มั่นคงสามารถเลี้ยงดูครอบครัวและชุมชนได้อย่างเข้มแข็ง” นายสมชาย กล่าว

ในส่วนของกิจกรรมทางการตลาดในปีที่ผ่านมา หนองโพใช้งบกว่า 10 ล้านบาท ในการจัดแคมเปญ “ดื่มหนองโพ ได้โทรฟรี” โดยสะสมหูกล่องนมหนองโพแลกค่าโทรฟรี เพื่อขอบคุณผู้บริโภคที่ให้ความไว้วางใจ ในผลิตภัณฑ์ของหนองโพด้วยดีเสมอมา รวมถึงกิจกรรมจับชิ้นส่วนกล่องนมหนองโพในรายการชิงช้าสวรรค์เพื่อมอบโชคให้ผู้โชคดีทางบ้านทุกสัปดาห์ พร้อมกันนี้ยังได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อสมทบทุนมูลนิธิ ชัยพัฒนา จำนวน 600,000 บาทอีกด้วย

สำหรับในปี 54 นี้ หนองโพวางงบประมาณ 50 ล้านบาท ในการทำกิจกรรมทางการตลาด โดยมีรูปแบบและ กลยุทธ์ผ่านการทำกิจกรรม 2 ส่วน คือ การสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่องตามแผนระยะยาวโดยร่วมทำกิจกรรมกับรายการของทางบริษัทเวิร์คพ้อยท์ อาทิ เป็นผู้สนับสนุนหลักรายการชิงช้าสวรรค์ และรายการตลก 6 ฉาก เพื่อให้ผู้บริโภคส่งชิ้นส่วนเข้าร่วมรายการและมอบโชคเป็นรถยนต์ให้ผู้โชคดีทางบ้าน และกิจกรรมส่งเสริมการขายกับร้านค้าและผู้บริโภค อาทิ แคมเปญการ์ดพลังไดโนเสาร์และแคมเปญสะสมการ์ดหนองโพแลกชุดขุดโมเดลฟอสซิลไดโนเสาร์ ซึ่งเป็นแคมเปญที่ได้รับการตอบรับดีมาก ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 – 25 ต่อเดือน โดยเฉพาะในช่องทางเซเว่นอีเลฟเว่น

“ปัจจุบันเทรนด์การดื่มนมของผู้บริโภคคนไทยมีความหลากหลายมากขึ้น ในขณะเดียวกันผู้ผลิตเองก็ได้สร้างทางเลือกที่หลากหลายสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ในส่วนของหนองโพ ก็ได้เตรียมการที่จะใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายให้กว้างและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายนมหนองโพขนาด 200 มล. ในช่องทางโมเดิร์นเทรด และมีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอื่นๆ เพิ่มขึ้น เหนือสิ่งอื่นใดหนองโพยังคงมุ่งเน้นคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก เราจึงไม่หยุดนิ่งที่จะคิดค้นและพัฒนาคุณภาพและรสชาติของสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่บนพื้นฐานของคุณภาพของนมโคที่มีแคลเซียมจากธรรมชาติสูง”นายสมชาย กล่าวในตอนท้าย