คอฟฟี่ บีนเนอรี่ ชูจุดขาย “ครบวงจรคู่มาตรฐาน”

คอฟฟี่ บีนเนอรี่ ย้ำจุดขายศูนย์รวมธุรกิจกาแฟแบบครบวงจรของไทย ประกาศสร้างอัตราเติบโตทุกกลุ่ม หลังดันแบรนด์ โซลิโต้ ติดหูคอกาแฟ ทั้งยังรุกตลาดผู้ประกอบการร้านกาแฟชูจุดขายความครบวงจร และธุรกิจ Catering Service ภายใต้แบรนด์ โซเวนเต้ ประกาศเดินหน้าแผนขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่ม Certified Organic Coffee หลังหนุนเกษตรกรในเชียงรายทำไร่เกษตรอินทรีย์เสริมความต้องการตลาดทั้งไทยและต่างประเทศที่โตต่อเนื่อง คาดปี 54 จะสร้างอัตราเติบโตในส่วน Certified Organic Coffee กว่า 200%

นายอัคคพันธ์ ลีวุฒินันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอฟฟี่ บีนเนอรี่ จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจกาแฟแบบครบวงจรของเมืองไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ ถือเป็นบริษัทเดียวในไทย ที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจกาแฟที่ให้บริการในส่วนผู้บริโภคและผู้ประกอบการร้านกาแฟแบบครบวงจร โดยเฉพาะเมล็ดกาแฟสูตรเฉพาะกว่า 60 ปีถือเป็นจุดผลักดันหลักให้เราก้าวสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น ด้านการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจกาแฟนั้น เราก็ได้รับการยอมรับในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านหลักสูตรและบุคลากร ณ ปัจจุบันเราจัดคอร์สฝึกอบรมมากว่า 60 ครั้ง และผลิตบุคลากรออกสู่ตลาดกว่า 650 คน และเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเป็นศูนย์รวมมืออาชีพ เราจึงได้นำเข้าเครื่องชงกาแฟ และเครื่องบดแมล็ดกาแฟจากประเทศอิตาลี โดยปัจจุบันมีให้เลือกกว่า 30 รุ่น ตั้งแต่ราคา 25,000 – 275,000 บาท

“เรามั่นคงในทุกส่วนธุรกิจ ในปีนี้จะเป็นปีที่เราเน้นขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่กับผลิตภัณฑ์ Certified Organic Coffee โดย Zolito ถือเป็นแบรนด์แรก ที่นำเสนอ Certified Organic Coffee หรือกาแฟออร์แกนิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน สู่ตลาดในประเทศไปเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา จนเป็นที่ยอมรับและได้ขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งได้ผลตอบรับแบบเกินคาด ดังนั้น เราจึงต่อยอดแนวคิดดังกล่าวสู่การให้บริการด้าน Catering Service โดยใช้ Certified Organic Coffee เป็นจุดขาย ซึ่งเชื่อว่าตลาดเมืองไทยยังมีอยู่น้อย โดยล่าสุด บริษัทฯได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย (Thai Organic Trade Association) โดยทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และกลุ่มผู้เกี่ยวข้องต่างๆ โดยร่วมส่งเสริมกิจกรรมและทำการประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายทราบถึงคุณประโยชน์ต่างๆของผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกต่างๆ รวมถึง กาแฟออร์แกนิก เพื่อตอบความต้องการของกลุ่มคอกาแฟที่ใส่ใจสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม และนอกจากนี้ เรายังมองถึงการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปด้วย” นายอัคคพันธ์ ลีวุฒินันท์ กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีคนไทยมีอัตราการบริโภคกาแฟเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 20-30% ต่อปี และคาดว่าน่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต และที่น่าสนใจคือปริมาณการดื่มกาแฟออร์แกนิก ก็มีเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยจะเน้นไปยังกลุ่มตลาดระดับบนที่ต้องการรสชาติควบคู่กับสุขภาพ หากพิจารณาภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์อาหารออร์แกนิกส์ทั่วโลก พบว่า เป็นตลาดที่ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยตลาดยุโรปจะเป็นตลาดใหญ่ที่สุด รองลงมาคือ สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น โดยปัจจุบันตลาดสินค้าออร์แกนิกของไทยได้รับการสนับสนุนจากนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐ รวมทั้งหน่วยงานรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้องได้รับการยอมรับระดับสากลกอปรกับขยายตัวของตลาดอาหารออร์แกนิกส์ทั่วโลก ทำให้อนาคตสินค้าในกลุ่มนี้ยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“สำหรับ Certified Organic Coffee นั้น เราพยายามจะให้ข้อมูลที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง ว่ากาแฟออร์แกนิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนั้นแตกต่างจากกาแฟออร์แกนิกทั่วไป การที่ผู้บริโภคจะมั่นใจได้ว่ากาแฟที่เลือกซื้อนั้นเป็นออร์แกนิกที่ได้มาตรฐานหรือไม่ โดยต้องพิจารณาจากว่ากาแฟนั้นต้องเป็นกาแฟที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการปลูก ตลอดจนได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตในทุกชั้นตอนจากหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์โดยตรงและที่เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่นเวลาส่งออกไปต่างประเทศ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ใบรับรองมาตรฐาน หากไม่มีใบรับรองมาตรฐาน ก็ไม่สามารถถือได้ว่าเป็นออร์แกนิก เราสามารถเห็นผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ หรือที่เรียกว่าผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกนั้นอยู่ได้ทั่วไปในตลาด หากแต่เพียงว่าผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกนั้น ได้รับการรับรองมาตรฐานหรือไม่ จากหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับหรือไม่ อันนี้น่าจะเป็นสิงที่ผู้บริโภคต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน” นายอัคคพันธ์ ลีวุฒินันท์ กล่าวเสริม