บลจ. ทิสโก้ปลื้ม ลูกค้าเศรษฐีใช้กองทุนส่วนบุคคลเพิ่ม มั่นใจปีนี้โต 20%

บลจ. ทิสโก้ ปลื้มลูกค้าบุคคลรายใหญ่กลุ่ม High Net Worth ใช้บริการกองทุนส่วนบุคคลมากขึ้น คาดปีนี้ยอดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของลูกค้าบุคคลรายใหญ่โตร่วม 20% หลัง 8 เดือนแรกโตมากกว่า 10% ชูจุดเด่นด้านความเชี่ยวชาญการจัดสรรการลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภท ตอบโจทย์ลูกค้าบุคคลรายใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารพอร์ตมากขึ้น พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินอย่างครบวงจร

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลของ บลจ. ทิสโก้ ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ (ณ 31 ส.ค. 54) ในส่วนของกลุ่มลูกค้าบุคคลรายใหญ่ (High Net Worth) ที่มีพอร์ตการลงทุนตั้งแต่ 20-40 ล้านบาทขึ้นไป มีการขยายตัวอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยมีจำนวนลูกค้าบุคคลรายใหญ่ร่วม 300 บัญชี เพิ่มขึ้นถึง 16% จากสิ้นปี 53 ขณะที่สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ของกลุ่มลูกค้าบุคคลรายใหญ่ ก็มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ที่เกือบ 9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% จากสิ้นปี 53 และคาดว่าในปีนี้ทั้งปี สินทรัพย์กลุ่มลูกค้าบุคคลรายใหญ่ภายใต้การบริหารจะมีการขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 20%

ทั้งนี้ สาเหตุการเติบโตของกลุ่มลูกค้าบุคคลรายใหญ่ในกลุ่ม High Net Worth มาจาก ความกังวลด้านอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าต้องการทีมผู้เชี่ยวชาญทางด้านการลงทุนที่สามารถให้คำปรึกษาและช่วยบริหารเงินของลูกค้าให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์การเงินก็มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้นจึงต้องการผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการบังคับใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองเงินฝาก ทำให้กลุ่มลูกค้าบุคคลรายใหญ่มีความสนใจในกองทุนส่วนบุคคลมากขึ้น ซึ่งมีทีมลงทุนที่เชี่ยวชาญคอยให้บริการในการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดภายใต้ความเสี่ยงที่ลูกค้ากำหนด

“สำหรับกลุ่มลูกค้า High Net Worth นั้น นอกจากการให้บริการด้านการบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคลแล้ว ทิสโก้ยังมีบริการที่ปรึกษาทางการเงินการลงทุนที่ครบวงจร ภายใต้ชื่อ “ทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth)” ซึ่งเป็นบริการบริหารความมั่งคั่ง เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านการออมและการลงทุนไว้ในที่เดียว ทั้งบริการธนาคาร, บริหารจัดการกองทุน และบริการซื้อขายหลักทรัพย์ สำหรับลูกค้าบุคคลรายใหญทั้งหมดของกลุ่มทิสโก้ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ การให้บริการคำแนะนำในการจัดสรรการลงทุน (Asset Allocation) ในสินทรัพย์ทุกๆ ประเภทตราสาร ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่นเงินฝาก ตั๋วแลกเงิน พันธบัตร หุ้นกู้ ไปจนถึงความเสี่ยงปานกลางไปถึงความเสี่ยงสูง เช่น กองทุนรวม หุ้น ตลอดจนการลงทุนในต่างประเทศ (Off-shore) และคอมโมดิตี้ เช่น น้ำมัน ทอง ซึ่งเราจะมีผู้เชี่ยวชาญทางการเงินที่เรียกว่า Wealth Manager เป็นผู้ให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับความต้องการในการลงทุนของลูกค้าแต่ละรายอย่างแท้จริง”

นายสาห์รัช กล่าวว่า ภาพรวมของการแข่งขันของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล สำหรับกลุ่มลูกค้าบุคคลรายใหญ่ยังถือว่าไม่รุนแรงเท่ากลุ่มลูกค้าสถาบันที่มีการแข่งขันที่รุนแรงกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของค่าธรรมเนียม ในขณะที่กลุ่มลูกค้าบุคคลรายใหญ่จะเน้นที่การแข่งขันด้านการให้บริการ และการให้คำแนะนำการลงทุน เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนที่เป็นบุคคลรายใหญ่ให้ความสำคัญต่อการบริหารพอร์ตมากขึ้น และต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยบริหารเงิน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อ ซึ่งบริการที่ปรึกษาการลงทุนนับเป็นจุดเด่นของ บลจ. ทิสโก้ จึงทำให้ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล สำหรับกลุ่มลูกค้าบุคคลรายใหญ่ ของ บลจ. ทิสโก้ มีการเติบโตที่ดี

“จุดเด่นของเราคือ การให้บริการด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์สูง มีการให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ และสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี สะท้อนได้จากรางวัลต่างๆ ที่ บลจ. ทิสโก้ได้รับในปีที่ผ่านมา ได้แก่ รางวัล SET Awards 2010 ประเภทบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยอดเยี่ยม หรือ Best Asset Management Company Award และได้รับการจัดอันดับให้เป็น บลจ. ที่มีผลงานด้านกองทุนตราสารทุนดีที่สุดของประเทศไทยในรอบระยะเวลา 3 ปี (Best Equity Fund Group over 3 Years ) จาก Lipper Fund Awards 2010 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการกองทุนที่มีประสิทธิภาพ”

ปัจจุบัน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลของ บลจ.ทิสโก้ มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมกว่า 40,000 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับที่ 2 ของอุตสาหกรรม และมีการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารอย่างต่อเนื่อง โตขึ้นกว่า 90% ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ทั้งกลุ่มลูกค้าบุคคลรายใหญ่ และกลุ่มลูกค้าสถาบัน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ, องค์กรอิสระ, มูลนิธิ, สหกรณ์, บริษัทเอกชนทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น