ทิสโก้ ชี้หุ้นไทยพื้นฐานแกร่ง หลังดัชนีใกล้แตะจุดต่ำสุดจากความกังวลการชะลอมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของสหรัฐฯ แนะจับจังหวะลงทุนเพิ่ม พร้อมชูทริกเกอร์ฟันด์เป็นทางเลือก ด้าน บลจ.ทิสโก้ ส่ง “ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8%” กองที่ 8 ลุยหุ้นไทยพื้นฐานดี เปิดทางเลือกเพิ่มผลตอบแทน มั่นใจกระแสตอบรับดี หลังผลงานทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% กองที่ 1-7 โดดเด่น บริหารเข้าเป้าหมายก่อนกำหนดทุกกอง เปิดไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ – 11 มิ.ย. 56
นางสาววรสินี สังวรเวชภัณฑ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ (Miss Vorasinee Sangvornvetphan, Wealth Strategist, TISCO Wealth) เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 1,500 จุด ซึ่งการเป็นผลมาจากตลาดหุ้นไทย ได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องสภาพคล่อง หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะหยุดหรือลดการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ (Quantitative Easing : QE) นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรสหรัฐฯ และญี่ปุ่นปรับตัวขึ้น รวมทั้งค่าเงินบาทอ่อนค่าลง นักลงทุนต่างชาติขายเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนและค่าเงิน
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงต่อจากนี้ จากการศึกษาพบว่าในช่วงการหยุด QE1, QE2 ในช่วงปี 2553-2554 ตลาดหุ้นปรับตัวลงเฉลี่ย 10% ในช่วง 2-3 เดือนก่อนการยุติ QE1, QE2 ซึ่งตอนนี้ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงมาแล้ว 9% (ณ วันที่ 6 มิ.ย. 2556) ดังนั้น Downside risk ค่อนข้างต่ำ อีกทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเข้าใกล้เป้าหมายที่ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ กำหนดไว้ นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกโดยรวมในปัจจุบันมีความเสี่ยงน้อยลงเห็นได้จากความเสี่ยงที่ลดลงในยุโรปและจีน ทั้งนี้คาดเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ที่ระดับ 4.7% และปีหน้า 5.0% ทิสโก้ เวลธ์จึงยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยมองเป้าหมายดัชนีปีนี้ที่ 1,700 จุด
“การปรับลงของตลาดหุ้นไทยในรอบนี้มองว่าใกล้ถึงจุดต่ำสุด และปรับฐานที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะเป็นเพียงระยะสั้น ดังนั้นผู้ลงทุนอาจใช้จังหวะที่หุ้นปรับฐาน หันมาทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หรือลงทุนในกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนให้กับพอร์ตลงทุน” นางสาววรสินี กล่าว
ด้านนายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้ ได้เปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% # 8” (TISCO Thai Equity Trigger 8% Fund # 8) ซึ่งเป็นกองทาร์เก็ตฟันด์ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 8% เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ชอบลงทุนในหุ้นไทย และสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ ทั้งนี้กองทุนไม่มีกำหนดอายุโครงการ โดยจะเลิกกองทุนเมื่อสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% หรือมีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) มากกว่าหรือเท่ากับ 10.80 บาท มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท กองทุนไม่มีกำหนดอายุโครงการ โดยจะเลิกโครงการหากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ – 11 มิ.ย. 2556 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท
“การเปิดเสนอขาย “กองทุน ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8%” กองที่ 8 นี้ เรามั่นใจว่าจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีเช่นเคย หลังจากก่อนหน้านี้ ผลงานกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ของ บลจ. ทิสโก้ ได้สร้างผลตอบแทนเข้าเป้าหมายมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทย และกองทุนที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะกองซีรีย์กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% นับว่ามีผลงานที่โดดเด่นมาก โดยทุกกองทุนที่เปิดเสนอขายสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย และปิดกองทุนได้ก่อนครบอายุโครงการทั้งหมด ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งล่าสุด“กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% กองที่ 7 ซึ่งใช้ระยะเวลาบริหารกองทุนเพียง 7 สัปดาห์เท่านั้น ก็สามารถปิดกองทุนได้ก่อนกำหนดจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่ 8% ถือเป็นผลงานที่ตอบโจทย์การสร้างโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี” นายสาห์รัช กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน เนื่องจากกองทุนมีการกำหนดเงื่อนไขการเลิกกองทุนก่อนกำหนด ผู้ลงทุนควรตระหนักว่า การกำหนดอัตราผลตอบแทนในเงื่อนไขการเลิกกองทุนก่อนกำหนด มิได้เป็นการรับประกันหรือทำให้คาดหวังว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามอัตรานั้น ทั้งนี้ผลตอบแทนดังกล่าวเป็นผลตอบแทนก่อนหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการยกเลิกกองทุน