การวิเคราะห์ของแซสช่วยบริษัทชั้นนำต่างๆ เช่น ICBC, ธนาคารไชน่ากวงฟา, ฮุนได มารีน แอนด์ ไฟร์ อินชัวแรนซ์, เคดีดีไอ และอื่นๆ ได้อย่างเห็นผล
The Premier Business Leadership Series, สิงคโปร์ (15 พฤศจิกายน 2554) – ในสถานการณ์ “ข้อมูลขนาดใหญ่” (Big Data) มีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถดำเนินการรับมือได้เหมือนกับธนาคารเพื่ออุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน (Industrial and Commercial Bank of China Ltd.: ICBC) หนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนลูกค้า 220 ล้านคน และดูแลบัญชีลูกค้า 600 ล้านบัญชี โดยธนาคารต้องประมวลผลทรานแซคชั่นต่อวันมากถึงระดับ 200 ล้านรายการ และเพื่อกลั่นกรองข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลดังกล่าว ธนาคารจึงเลือกใช้ซอฟต์แวร์จากบริษัท แซส ซึ่งเป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์และบริการการวิเคราะห์ธุรกิจ เพื่อช่วยให้ธนาคารสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น สร้างระบบลูกค้าสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งขึ้น และสามารถปรับปรุงการจัดการด้านความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยจำนวนบัญชีที่มีอยู่เดิมและข้อมูลทรานแซคชันรวมทั้งข้อมูลจากการชำระเงินผ่านระบบมือถือและช่องทางใหม่อื่นๆ ทำให้ธนาคาร ICBC ต้องพบกับปัญหาภาวะข้อมูลท่วมท้นเหมือนกับที่องค์กรธุรกิจทั่วโลกเผชิญอยู่ในปัจจุบัน แต่ด้วยเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) ที่สามารถปรับขยายได้จากบริษัท แซส ทำให้องค์กรธุรกิจที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับธนาคาร ICBC สามารถพบมุมมองธุรกิจต่างๆ มากมายที่มีอยู่ในข้อมูลที่ท่วมท้นเหล่านั้น ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถแข่งขันและประสบความสำเร็จในตลาดได้
“ยุคของ ‘ข้อมูลขนาดใหญ่’ มาถึงแล้ว ไม่ว่าจะในรูปของคลังข้อมูลขนาดหลายเพตาไบต์ ข้อมูลการสื่อสารภายในสื่อสังคมออนไลน์ เนื้อหาสรุปบนเว็บในแบบเรียลไทม์ ข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ และแหล่งข้อมูลใหม่อื่นๆ ล้วนสร้างปัญหาให้กับองค์กรอย่างมาก แต่ข้อมูลเหล่านี้ก็ถือเป็นการสร้างโอกาสที่สำคัญได้ด้วยเช่นกัน” นายฟิลิป คาร์เตอร์ รองประธานร่วมบริษัท ไอดีซี เอเชีย/แปซิฟิก กล่าว และว่า “ขณะนี้ บรรดาซีไอโอเริ่มที่จะนำเทคโนโลยีระดับใหม่เข้ามาใช้งานแล้ว เนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องประมวลผล ค้นหา และวิเคราะห์ชุดข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลซึ่งไม่สามารถจัดการได้โดยใช้ฐานข้อมูลและสถาปัตยกรรมแบบเดิมอีกต่อไป จึงไม่แปลกใจที่การวิเคราะห์ขั้นสูงจะเข้ามามีบทบาทสำคัญเนื่องจากสามารถจัดการกับข้อมูลขององค์กรที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมหาศาล รวดเร็ว และมีความหลากหลายอย่างมากได้”
การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
บริษัท แซส ให้การสนับสนุนสภาพแวดล้อมการทำงานในลักษณะภาวะข้อมูลขนาดใหญ่มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยภาวะข้อมูลขนาดกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเมื่อการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถสร้างประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าวได้ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่สามารถนำมาซึ่งมูลค่าและมุมมองที่แท้จริงให้กับองค์กรได้นั่นเอง
บริษัท แซส มีชุดเครื่องมือที่ครอบคลุมและทรงประสิทธิภาพที่พร้อมให้การสนับสนุนการวิเคราะห์ข้อมูลท่วมท้น ได้แก่ Grid, In-Database และ In-Memory ชุดเครื่องมือดังกล่าวสามารถใช้ร่วมกับโซลูชั่นต่างๆ ของแซสได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการข้อมูล การวิเคราะห์ และการรายงานระบบธุรกิจอัจฉริยะ ตลอดจนโซลูชั่นธุรกิจเฉพาะทางและโซลูชั่นทั่วไปของอุตสาหกรรม
“เมื่อใช้การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ องค์กรจะสามารถตัดสินใจได้ดีและรวดเร็วขึ้นไม่เพียงแต่พิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่ยังครอบคลุมถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปด้วย โดยสามารถทำนายผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้และสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย” นายไมเคิล ฮักสตรอม รองประธานฝ่ายบริหาร บริษัท แซส ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียแปซิฟิก กล่าว
การสำรวจทั่วโลก: ยุคใหม่ของการวิเคราะห์
บริการด้านการวิจัยของ Bloomberg BusinessWeek ได้ทำการสำรวจทั่วโลกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาภายใต้การสนับสนุนของบริษัท แซส โดยได้สำรวจผู้เชี่ยวชาญทางธุรกิจจำนวน 930 คน ด้วยการให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานะของการวิเคราะห์ทางธุรกิจภายในองค์กรของตน จากการสำรวจพบว่าการวิเคราะห์ทางธุรกิจได้รับการนำไปใช้อย่างแพร่หลายภายในองค์กร แต่ 97% ของผู้ตอบแบบสำรวจแจ้งว่ามีการใช้การวิเคราะห์เพียงบางรายการเท่านั้นภายในองค์กรของตน บริษัทส่วนใหญ่ยังไม่เคยใช้ความสามารถด้านการวิเคราะห์ขั้นสูงที่แท้จริง และยังพบด้วยว่าไม่ถึง 1 ใน 5 ขององค์กรธุรกิจที่นำเทคโนโลยีมาใช้สามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลเกิดใหม่ได้อย่างเต็มที่ (เช่น ข้อมูลบนเว็บ สื่อสังคมออนไลน์ และข้อมูลไร้โครงสร้างในรูปของข้อความและวิดีโอ)
เมื่อพิจารณาพื้นที่ในส่วนอื่นๆ พบว่าองค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตอบรับแนวคิดของการใช้ข้อมูลที่มีอยู่ของตนเพื่อสร้างให้เป็นมุมมองทางธุรกิจต่างๆ ขณะที่ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในขั้นเริ่มต้นหรือเริ่มนำการวิเคราะห์มาใช้งานเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีบางองค์กรได้นำเอาการวิเคราะห์มาใช้ประโยชน์กับข้อมูลท่วมท้นแล้วและได้เปลี่ยนให้เป็นมุมมองที่มีค่าและสามารถใช้สนับสนุนการตัดสินใจให้ดียิ่งขึ้นได้
ธนาคารไชน่ากวงฟา ธนาคารแห่งแรกของจีนที่ให้บริการออกบัตรเครดิตและเป็นหนึ่งในบริษัทที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ธนาคารแห่งนี้พบกับภาวะข้อมูลท่วมท้นเมื่อต้องเตรียมการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในฮ่องกงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น ธนาคารต้องจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตสำหรับผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วของธนาคารซึ่งมีการออกบัตรไปแล้วกว่า 12 ล้านใบ ด้วยเหตุนี้ธนาคารไชน่ากวงฟาจึงเลือกใช้แพลตฟอร์มการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมและสามารถปรับขยายได้ของแซสเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลของตน
“การวิเคราะห์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธนาคารไชน่ากวงฟา เนื่องจากสามารถช่วยจัดการและสร้างมูลค่าจากข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า การดำเนินงาน ความเสี่ยงด้านเครดิต และอื่นๆ” ดร.หย่าเฉิน หลิน ซีอาร์โอศูนย์บัตรเครดิตธนาคารไชน่ากวงฟา กล่าว และว่า “บริษัท แซส ช่วยให้เรามีเฟรมเวิร์กการวิเคราะห์ที่แข็งแกร่งและได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถตอบสนองความต้องการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้ อีกทั้งยังทำให้ธนาคารของเราแตกต่างจากคู่แข่งและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำตลาดของเราอีกด้วย เมื่อใช้การวิเคราะห์ของแซส ธนาคารไชน่ากวงฟาจึงพร้อมแล้วสำหรับอนาคต ไม่ใช่อนาคตของการถือครองไอพีโอแต่จะหมายถึงการรับมือกับข้อมูลที่กำลังจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ”
ขณะที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ในเกาหลีกำลังพบกับกรณีฉ้อโกงการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจำนวนมาก โดยบริการผู้ดูแลผลประโยชน์ทางการเงินของประเทศเกาหลีรายงานว่า ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา อัตราการฉ้อโกงดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 30% โชคไม่ดีที่บริษัทประกันภัยส่วนใหญ่ไม่สามารถหักล้างการเรียกร้องค่าสินไหมดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีจำนวนเจ้าหน้าที่สอบสวนไม่เพียงพอและบริษัทเหล่านี้ยังคงยึดรูปแบบการพยากรณ์โดยใช้สถิติที่มีอยู่เดิมของอุตสาหกรรม
แต่ไม่ใช่หมายรวมถึงบริษัท ฮุนได มารีน แอนด์ ไฟร์ อินชัวแรนซ์ เนื่องจากการใช้โซลูชั่นจากแซสเพื่อตรวจหาและป้องกันการฉ้อโกง ทำให้ให้บริษัทประกันภัย (ไม่ใช่ประกันชีวิต) รายใหญ่ที่สุดในเกาหลีแห่งนี้สามารถสร้างระบบป้องกันการฉ้อโกงเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนและปรับปรุงกระบวนการชำระเงินได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเหตุนี้จึงสามารถให้รักษาฐานลูกค้าชั้นดีของบริษัทเอาไว้ได้
สำหรับตัวอย่างองค์กรอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่หันมาใช้การวิเคราะห์สนับสนุนการดำเนินงานของตน ได้แก่
เคดีดีไอ ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมรายใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่น กำลังใช้ SAS? for Customer Experience Analytics ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่องค์กรต่างๆ สามารถใช้แสดงปริมาณและวิเคราะห์ “ประสบการณ์ใช้งาน” ของลูกค้าด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของลูกค้าบนเว็บ นำข้อมูลเหล่านั้นมาผสานรวมเข้าด้วยกัน และทำการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและข้อมูลการซื้อที่เกิดขึ้นทั้งหมด
บริษัท มาเลเซีย บิลดิ้ง โซไซตี้ เบอร์ฮาด (MBSB) ใช้ SAS? Rapid Predictive Modeler เพื่อช่วยลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และนำเสนอมุมมองที่แม่นยำเกี่ยวกับลูกค้าของตน คณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์อินเดีย (SEBI) ใช้การวิเคราะห์ของแซสเพื่อลดระยะเวลาในการสอบสวนและสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ สามารถดูได้จากบริการของแซสที่ชื่อว่า Business Analytics Knowledge Exchange ซึ่งเป็นชุมชนออนไลน์สำหรับการสนทนาอย่างอิสระเกี่ยวกับแนวโน้มการวิเคราะห์ทางธุรกิจและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด โดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมักจะเข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์จริงโดยใช้การวิเคราะห์ทางธุรกิจอยู่เป็นประจำ
ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นในงาน The Premier Business Leadership Series ที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นงานประชุมสำหรับผู้มีบทบาททางความคิดที่จัดโดยบริษัท แซส โดยงานนี้มีผู้เข้าร่วมงานที่มีตำแหน่งระดับสูงทั้งจากภาครัฐและเอกชนกว่า 600 รายที่มาร่วมแบ่งปันแนวความคิดและความรู้เกี่ยวกับประเด็นสำคัญทางธุรกิจ
เกี่ยวกับบริษัท แซส
บริษัท แซส เป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์และบริการการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจและเป็นผู้ค้าอิสระรายใหญ่ที่สุดในตลาดธุรกิจอัจฉริยะ (BI) ด้วยโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมที่ส่งมอบให้ลูกค้าในรูปของ Integrated Framework ทำให้บริษัท แซส สามารถช่วยลูกค้าที่ได้นำโซลูชั่นของแซสไปใช้แล้วเป็นจำนวนกว่า 50,000 แห่งทั่วโลกในการปรับปรุงประสิทธิภาพและส่งมอบมูลค่าผ่านการตัดสินใจทางธุรกิจที่ดีและรวดเร็วขึ้น นับตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมา บริษัท แซสได้มุ่งมั่นที่จะมอบ พลังแห่งการรอบรู้ (The Power to Know?) ให้กับลูกค้าทั่วโลก