กุหลาบแดงสื่อรักยอดฮิต…ราคาพุ่งต้อนรับวาเลนไทน์

“ดอกกุหลาบ” สินค้าที่เป็นสัญลักษณ์สำหรับวันวาเลนไทน์ของทุกปี ซึ่งในปีนี้คาดว่าการซื้อขายดอกกุหลาบจะยังคงคึกคัก และเป็นช่วงที่ดอกกุหลาบมีราคาสูงที่สุดในรอบปี ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจพบว่า ในปีนี้มีแนวโน้มว่าราคาดอกกุหลาบจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการซื้อขายดอกกุหลาบในช่วงวันวาเลนไทน์มากนัก เนื่องจาก บรรดาผู้ที่ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์นั้นมองว่า กุหลาบแดงก็ยังคงเป็นสื่อรักยอดฮิตที่มอบให้แก่กันในวันวาเลนไทน์ ในขณะที่กิจกรรมอื่นๆที่นิยมทำกันในช่วงวันวาเลนไทน์ นอกเหนือจากการให้ดอกไม้ ยังมีหลายกิจกรรมที่ได้รับความสนใจ โดยเฉพาะการรับประทานอาหารนอกบ้าน และถึงแม้ว่าจะมีสัญญาณของการปรับขึ้นราคาสินค้าด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะราคาสินค้าอาหาร โดยจะเห็นว่า ราคาอาหารในดัชนีราคาผู้บริโภคล่าสุดในเดือนม.ค. 55 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 สูงกว่าเดือนม.ค. 54 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 ในขณะที่ราคาอาหารบริโภคนอกบ้านเดือนม.ค. 55 สูงขึ้นร้อยละ 5.4 มากกว่าเดือนม.ค. 54 ที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.2

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีสัญญาณของราคาอาหารที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น แต่คาดว่า ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเทศกาลนี้ ก็ยังคงให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ และยังคงมีการใช้จ่ายเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ดังนั้น จึงเห็นว่าบรรดาธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ เริ่มมีการโหมโรงกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อกระตุ้นผู้บริโภคให้มีการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงมีการจัดตกแต่งร้านและสถานที่เพื่อสร้างบรรยากาศต้อนรับวันวาเลนไทน์ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์

ในช่วงเทศกาลแห่งความรัก หลากหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องจะมีความคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจ “พฤติกรรมผู้บริโภคในกรุงเทพฯในช่วงวันวาเลนไทน์ปี 2555” ในช่วงวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ 2555 โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 400 คน อายุระหว่าง 13-30 ปีโดยส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียน นักศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มักจะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเทศกาลวันแห่งความรัก และเป็นกลุ่มที่มีความคุ้นเคยกับการเลือกซื้อสินค้าและทำกิจกรรมต่างๆ  

 

ประเด็นจากการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายซื้อสินค้าและทำกิจกรรมต่างๆในวันวาเลนไทน์ ปี 2555 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า

– กุหลาบแดง…สื่อรักยอดฮิต ครองใจหนุ่ม-สาวชาวกรุง

“ดอกกุหลาบ” ยังคงเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในวันวาเลนไทน์ โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดง ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์ ทั้งนี้ จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 ของผู้ที่ทำแบบสำรวจมองว่า ถึงแม้ว่าในช่วงวันเวาเลนไทน์ราคาของดอกกุหลาบจะปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงปกติหลายเท่าตัว แต่ดอกกุหลาบยังคงเป็นสินค้าที่ต้องมอบให้กับคนรักในวันวาเลนไทน์

แต่ทั้งนี้ กลุ่มผู้บริโภคจะมีพฤติกรรมในการเลือกซื้อดอกกุหลาบที่แตกต่างกัน กล่าวคือ กลุ่มนักเรียนส่วนใหญ่จะซื้อดอกกุหลาบในราคาที่ไม่แพงมากนัก คือ 50-100 บาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มในขณะที่กลุ่มนักศึกษาและกลุ่มคนทำงานจะซื้อลักษณะเป็นช่อ ตั้งแต่ 5-20 ดอก ราคาประมาณ 500-1,500 บาท อย่างไรก็ตาม งบประมาณที่ตั้งไว้สำหรับซื้อดอกไม้ในปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 355 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งมีงบเฉลี่ยอยู่ที่ 324 บาทต่อคน หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 9.6 

ทั้งนี้ ประเด็นที่น่าสนใจจากการสำรวจตลาดค้าส่งดอกกุหลาบในช่วงวันวาเลนไทน์ปี 2555 ได้แก่ 

แนวโน้มราคาดอกกุหลาบ ปกติแล้วในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนวันวาเลนไทน์ ราคาดอกกุหลาบจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นทุกปี แต่จะค่อยๆทยอยปรับราคาขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงคืนวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ ราคาจะพุ่งสูงสุดกว่าช่วงปกติหลายเท่าตัว แต่ในปีนี้ ราคาดอกกุหลาบที่ปากคลองตลาดค่อนข้างปรับขึ้นเร็วตั้งแต่ก่อนเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ และราคาล่วงหน้าก่อนเข้าสู่วันวาเลนไทน์ ราคาดอกกุหลาบก็มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วมาก แต่ทั้งนี้ ราคาดอกกุหลาบน่าจะปรับเพิ่มสูงสุดตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ ไปจนถึงวันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 และระดับราคาที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นนั้น น่าจะเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นราคาปกติในช่วงคืนก่อนวันวาเลนไทน์

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

ราคาดอกกุหลาบสีแดงในวันวาเลนไทน์ปี
2555 ณ ตลาดค้าส่งดอกไม้ (บาท/ดอก)

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>ประเภทดอกกุหลาบ

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>ราคาช่วงปกติ

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>ราคาล่วงหน้า
1 สัปดาห์

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>คาดราคาในวันที่12-14
ก.พ. 55

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>2555

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>2554

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>2554

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>%YoY

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>2555

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>เทียบกับราคาช่วงปกติ
กุหลาบเนเธอร์แลนด์ – 500-700 700-800 +25 1,000-1,200 2.5 เท่า* กุหลาบจีน
(คุนหมิง) 20-25 50-100 100-150 +67 150-200 6 เท่า กุหลาบไทย -กุหลาบพบพระ
(เกรดเอ) 2-3 5-6 7-10 +55 5-6 1 เท่า -กุหลาบเชียงใหม่ 7-8 15 15-25 +34 25-50 4 เท่า ที่มา:
สำรวจโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2555 หมายเหตุ:
* เทียบกับราคาล่วงหน้า 1 สัปดาห์ก่อนวันวาเลนไทน์
เพราะปกติแล้ววันธรรมดาจะไม่ค่อยสั่งเข้ามาจำหน่ายในประเทศ
จะมีเฉพาะหน้าเทศกาลเท่านั้น

หลากหลายปัจจัยกระตุ้นให้ราคาดอกกุหลาบพุ่งสูงขึ้นเร็ว ปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้ราคาดอกกุหลาบในปีนี้ มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าปีที่ผ่านมา ได้แก่ 

-เทศกาลงานสำคัญต่างๆ ที่ใช้ดอกกุหลาบในการประดับตกแต่งสถานที่ เช่น งานพืชสวโลก 2012 ที่ปีนี้จะจัดยาวต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมีนาคม และระหว่างนั้นก็จะมีการจัดงานวาเลนไทน์ด้วย ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้ดอกกุหลาบเพิ่มขึ้น ผลผลิตอาจมีไม่เพียงพอกับความต้องการ

-สภาพอากาศที่แปรปรวน ตั้งแต่ช่วงต้นปี ซึ่งปีนี้มีสภาพอากาศที่หนาวเย็น ทำให้ดอกกุหลาบในช่วงเดือนที่ผ่านมาดอกไม่สวยและมีขนาดเล็ก อีกทั้งยังประสบปัญหาแมลงเพลี้ยไฟ ไรแดง และแมงมุม ราจากน้ำค้างลงดอก ทำให้ดอกกุหลายเสียหาย และมีผลผลิตลดลง

-ปริมาณดอกกุหลาบที่สั่งมาจำหน่าย เนื่องจากปีนี้ บรรดาพ่อค้าแม่ค้ายังคงกังวลเกี่ยวกับปริมาณการสั่งซื้อดอกกุหลาบจากกลุ่มร้านค้ารายย่อย รวมถึงจำนวนลูกค้าที่เดินทางมาซื้อโดยตรง ทำให้ปริมาณการสั่งดอกกุหลาบเข้ามาจำหน่ายที่ปากคลองตลาดบางร้านอาจจะไม่เยอะมากนัก โดยมองว่า การสั่งซื้อในปริมาณที่คิดว่าไม่มากเกินไป น่าจะเป็นการลดความเสี่ยงที่ดีที่สุด ทำให้บางช่วงเวลาดอกกุหลาบขาดตลาด ไม่เพียงพอกับความต้องการ โดยเฉพาะกุหลาบสีแดง

 

วาเลนไทน์…Marketing 

นอกจากดอกกุหลาบซึ่งเป็นสินค้ายอดฮิตในวันวาเลนไทน์ และสามารถทำรายได้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกดอกกุหลาบ ผู้ค้าส่งดอกกุหลาบ ไปจนถึงร้านจัดดอกไม้แล้ว ยังคงมีสินค้าและกิจกรรมพิเศษประเภทอื่นๆที่ผู้บริโภคนิยมเลือกซื้อ และทำร่วมกันในช่วงวันวาเลนไทน์ จึงทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ หรือวาเลนไทน์ Marketing ในช่วงนี้กันอย่างคึกคัก ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจต่างๆที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงภาพยนตร์ และร้านอาหาร รวมไปถึงธุรกิจอื่นๆอย่างกว้างขวาง

ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงรายได้ที่ได้รับในช่วงวันวาเลนไทน์ อาจสามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ

– รายได้ที่ได้รับจากผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มที่ตั้งใจจะซื้อสินค้าและให้ความสำคัญกับวัน    วาเลนไทน์ หรือรายได้ทางตรง ซึ่งจากการสำรวจโพลล์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ค่าใช้จ่ายในช่วงวันวาเลนไทน์ของผู้บริโภคในกรุงเทพฯกลุ่มนี้ จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 880 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็น ค่าใช้จ่ายดอกไม้ 355 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 สินค้าอื่นๆ (ช็อกโกแลต การ์ด) 290 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 และการทำกิจกรรมพิเศษ (รับประทานอาหาร ดูหนัง) 595 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ในปี 2555 เม็ดเงินจะสะพัดในกรุงเทพฯ ในช่วงวันวาเลนไทน์ประมาณ 1,280 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12.8 YoY แบ่งเป็น ดอกไม้ 460 ล้านบาท สินค้าอื่นๆที่ไม่ใช่ดอกไม้ 265 ล้านบาท และกิจกรรมพิเศษ 555 ล้านบาท

– รายได้ที่ได้รับจากกลุ่มผู้บริโภคที่อาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ แต่เกิดความสนใจจากการทำกลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ประกอบการ หรือรายได้ทางอ้อม ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้บริโภคออกไปข้างนอกในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก่อนถึงวันวาเลนไทน์ อาทิ เดินห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร แล้วเห็นกิจกรรมการส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการในช่วงวันวาเลนไทน์ อาจจะกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจและเกิดการซื้อสินค้าที่จัดโปรโมชั่นในช่วงวันวาเลนไทน์ ซึ่งก็น่าจะทำให้ธุรกิจโอกาสที่จะทำรายได้ทางอ้อมจากกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้น 

ดังนั้น จะเห็นว่า การทำ Marketing ในช่วงวันวาเลนไทน์ น่าจะมีบทบาทสำคัญที่สามารถดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคทางตรงหรือทางอ้อม ให้เกิดความสนใจในตัวสินค้าและบริการ จนเกิดความต้องการในสินค้าและบริการนั้น ซึ่งอาจจะช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าและบริการให้กับธุรกิจได้พอสมควร ถึงแม้ว่าวันวาเลนไทน์จะมีเพียงแค่ 1 วัน แต่การทำโปรโมชั่นต่างๆก่อนหน้านั้น ก็อาจจะช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าและบริการให้กับผู้ประกอบการได้พอสมควร ทั้งนี้ คาดว่า ยอดจำหน่ายสินค้าและบริการในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์น่าจะทำรายได้ให้กับธุรกิจต่างๆเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติประมาณร้อยละ 10-15 โดยธุรกิจห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ และร้านอาหาร น่าจะเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในช่วงวัน   วาเลนไทน์มากขึ้น

สำหรับ การทำ Marketing ของผู้ประกอบการแต่ละธุรกิจอาจจะแตกต่างกันออกไป แต่ทั้งนี้ จะเน้นรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ เพื่อสร้างบรรยากาศให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจมากขึ้น ดังนี้

 

ห้างสรรพสินค้า

– จัดทำโปรโมชั่นลดราคาสินค้าที่เป็นของขวัญยอดฮิตในช่วงวันวาเลนไทน์ อาทิ ดอกไม้ประดิษฐ์ ตุ๊กตา การ์ด ขนมและช็อกโกแลตต่างๆ เป็นต้น รวมถึงอาจจะทำโปรโมชั่นสินค้ากลุ่มอื่นๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า

– ส่งเสริมการทำกิจกรรมคู่รักภายในห้าง เพื่อสร้างบรรยากาศให้คึกคักและดึงดูดกลุ่มคนในบริเวณดังกล่าวมากขึ้น อาทิ ตอบคำถามคู่รัก บอกรักบนกระดานหัวใจที่จัดเตรียมไว้เป็นจุดต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น รวมถึงอาจมีการจัดมินิคอนเสิร์ตเพื่อกระตุ้นกลุ่มลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเทศกาลนี้

– เปิดตัว/วางจำหน่ายสินค้าและบริการคอลเลคชั่นใหม่ๆ  themes วันวาเลนไทน์ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าสนใจและเกิดความต้องการที่จะอยากซื้อสินค้าและบริการ อาทิ เปิดตัวเสื้อผ้ารับวาเลนไทน์ หรือเครื่องประดับ เป็นต้น

– window display เนรมิตพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าและบริเวณโดยรอบให้เป็นบรรยากาศของวันแห่งความรัก อาจมีการตกแต่งด้วยดอกไม้ ของขวัญ รวมทั้งอาจจะมีการจัดสถานที่ให้เป็นบรรยากาศของการถ่ายภาพกลุ่มคู่รัก หรือเพื่อนๆที่มาช็อปปิ้งในช่วงเวลาดังกล่าว

– ผลในทางอ้อม อาจจะดึงดูดกลุ่มลูกค้าอื่นๆที่อาจจะไม่สนใจซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ เกิดการสนใจและตัดสินใจคือสินค้าแบบฉับพลัน ณ จุดขาย (Impulse buying)

 

โรงภาพยนตร์

 

– อาจจะมีโปรโมชั่นราคาตั๋วหนังพิเศษสำหรับคนที่มาเป็นคู่/คู่รัก หรือจัดเตรียมที่นั่งพิเศษสำหรับคู่รักที่เดินทางมาดูหนังในวันวาเลนไทน์

– จัดบู๊ท/กิจกรรมหน้าโรงภาพยนตร์ เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจที่จะเข้ามาดูภาพยนตร์

– คัดสรรภาพยนตร์ที่มีเนื้อเรื่องที่สอดคล้องกับวันวาเลนไทน์ และทำการเพิ่มรอบไปพร้อมๆกับการจัดทำโปรโมชั่นพิเศษเพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจที่อยากจะดูหนังมากขึ้น

– จัดทำสินค้า หรือของรางวัลที่ระลึก ที่สอดคล้องกับวันวาเลนไทน์ เพื่อเป็นสินค้าที่ใช้สำหรับแลกซื้อหรือแจก (ตามเงื่อนไข) ซึ่งของรางวัลที่ระลึกควรเป็นสินค้าที่แปลกและไม่ซ้ำ หรือเป็นสินค้ารุ่น limited อาทิ ตุ๊กตา เป็นต้น

– ผลในทางอ้อม จำนวนคนที่ดูหนังอาจจะเพิ่มขึ้น นอกจากคนที่ตั้งใจจะมาดูหนังในวันวาเลนไทน์แล้ว ยังอาจจะมีโอกาสเพิ่มรายได้จากคนที่มาทำกิจกรรมอื่นๆ และได้เห็นการโฆษณารวมถึงโปรโมชั่นที่น่าสนใจของโรงภาพยนตร์

 

 

ร้านอาหาร

 

– จัดทำส่วนลดโปรโมชั่นพิเศษในช่วงวันวาเลนไทน์ 

– จัดทำเมนูอาหารพิเศษ หรือเมนูแนะนำ อาจจะเป็นการตั้งชื่อเมนูอาหารขึ้นใหม่ หรือเป็นการจัดเซตอาหารให้สอดคล้องในช่วงวันแห่งความรัก เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าสนใจที่จะเข้ามารับประทานอาหารมากขึ้นในช่วงวันดังกล่าว

– ตกแต่งสถานที่และร้านอาหารให้สอดคล้องกับบรรยากาศในช่วงวันวาเลนไทน์ 

– ผลในทางอ้อม อาจดึงดูดกลุ่มลูกค้ารายอื่นๆที่มารับประทานอาหารในร้านให้สนใจเมนูอาหาร หรือเซตอาหารที่เป็นโปรโมชั่นในวันวาเลนไทน์มากขึ้น

กล่าวโดยสรุปแล้ว เทศกาลวาเลนไทน์หรือเทศกาลวันแห่งความรัก เป็นช่วงโอกาสที่บรรดาผู้ประกอบการธุรกิจต่างรอคอยด้วยความคาดหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่สามารถกระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้าและบริการได้เพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี หลังจากช่วงเทศกาลจับจ่ายซื้อสินค้าในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม ทำให้ยอดขายของธุรกิจไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 

 

โดยในปี 2555 นี้ แม้ว่าสัญญาณการปรับขึ้นราคาสินค้าโดยเฉพาะราคาดอกกุหลาบ และราคาอาหารจะมีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น แต่คาดว่า ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเทศกาลนี้ ก็ยังคงให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ และยังคงมีการใช้จ่ายเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ รายได้ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ อาจจะมาจาก 2 กลุ่มหลักๆคือ กลุ่มผู้บริโภคที่ตั้งใจจะซื้อสินค้าและบริการ รวมถึงการทำกิจกรรมต่างๆในช่วงวันวาเลนไทน์ ซึ่งจากการสำรวจโพลล์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ในปี 2555 นี้ คาดว่า ค่าใช้จ่ายในช่วงวันวาเลนไทน์เฉลี่ยอยู่ที่ 878 บาทต่อคน คิดเป็นเม็ดเงินสะพัดทั่วกรุงเทพฯประมาณ 1,280 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12.8 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา 

นอกจากนี้ อาจจะมีรายได้อีกส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการทำ Marketing ในช่วงวันวาเลนไทน์ เพราะนอกจากจะดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ได้โดยตรงแล้ว ก็น่าจะมีบทบาทสำคัญที่จะสามารถดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มอื่นๆให้เกิดความสนใจในตัวสินค้าและบริการ และเกิดการตัดสินใจซื้อแบบฉับพลัน ณ จุดขาย (Impulse buying) ซึ่งการทำ marketing ของผู้ประกอบการในช่วงวันวาเลนไทน์ก็อาจจะช่วยเพิ่มยอดขายทางอ้อมจากผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้กับธุรกิจได้พอสมควร โดยเฉพาะธุรกิจห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ และร้านอาหาร เป็นต้น ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมในช่วงวันวาเลนไทน์อย่างมาก