บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว แจ๊ซ ไฮบริด ยนตรกรรมไฮบริด IMA รุ่นแรกของกลุ่มซับคอมแพคท์ในประเทศไทย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนทันสมัย รักษ์สิ่งแวดล้อม ที่มาในคอนเซ็ปต์ “เรียบ” และ “ล้ำสมัย” แตกต่างด้วยกระจังหน้า ไฟหน้าและไฟท้ายแบบใหม่สไตล์ไฮบริด ครบครันด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ Eco Assist ระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน มาตรวัดแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน เพิ่มสมรรถนะการประหยัดเชื้อเพลิงเต็มขั้นเพื่อให้ทุกการขับขี่โลดแล่นอย่างมีสไตล์มีให้เลือก 4 สี สีขาวบริลเลียนท์ สีเงินอลาบาสเตอร์ สีเขียวเฟรชไลม์ และสีฟ้าเซรูเลียน ภายในเบาะสีดำและน้ำเงินเข้ม
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แจ๊ซ ไฮบริด ที่เปิดตัวในประเทศไทยวันนี้นับเป็นหนึ่งในนวัตกรรมของฮอนด้าที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด ผสานการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์อัจฉริยะ i-VTEC ขนาด 1.3 ลิตร ทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และถือเป็นยนตรกรรมไฮบริดในรถซับคอมแพคท์รุ่นแรก และรุ่นเดียวที่มีจำหน่ายในประเทศไทยในปัจจุบัน ฮอนด้าเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากลูกค้าชาวไทยที่กำลังมองหารถยนต์ไฮบริดที่มีความลงตัวสำหรับการใช้งาน เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ขับสนุกควบคุมได้ดั่งใจ ประหยัดน้ำมัน ใช้งานได้หลากหลาย มีพื้นที่ห้องโดยสารใหญ่กว่ารถในระดับเดียวกัน และประการสำคัญยังเป็นรถไฮบริดที่ทุกคนก็สามารถเป็นเจ้าของได้ ฮอนด้าจะยังคงมุ่งมั่นในการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมพลังงานสะอาดและการใช้พลังงานทางเลือก เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์อนาคตอันสดใสและยั่งยืน ตามพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม Blue Skies for Our Children ซึ่งฮอนด้าทั่วโลกต่างมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลง 30% ของทุกผลิตภัณฑ์ ให้ได้ภายในปี 2563 ทั้งนี้ ยังเป็นการมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็นองค์กรที่สังคมปรารถนาให้ดำรงอยู่ โดยร่วมแบ่งปันความยินดีกับผู้คน เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าด้วยความรวดเร็ว ในราคาย่อมเยา และมีคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์องค์กรของฮอนด้า ปี 2563 ด้วย”
มร. ชิงโกะ นากามิเนะ หัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนา ฮอนด้า แจ๊ซ ไฮบริดใหม่ บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี จำกัด ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “เป้าหมายการพัฒนาแจ๊ซ ไฮบริด ใหม่ คือ การสร้างสรรค์รถยนต์ขนาดซับคอมแพคท์ที่มีความลงตัวสำหรับการใช้งาน รวมถึงการปรับปรุงนวัตกรรมด้านเทคนิคและความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ในภาพรวม ฮอนด้า แจ๊ซ ไฮบริด ได้ผสมผสาน 2 เทคโนโลยีที่มีจุดเด่นไม่เหมือนใคร ประการแรก เทคโนโลยีพื้นตัวถังที่มีการจัดวางถังน้ำมันไว้ตรงกลาง ซึ่งเริ่มมีการนำมาใช้ตั้งแต่ฮอนด้า แจ๊ซรุ่นแรก ประการที่สอง การออกแบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีขนาดบางและชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะหรือ IPU ที่มีขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักเบา ส่งผลให้ตัวรถสามารถตอบสนองพื้นที่ใช้สอยได้อย่างยอดเยี่ยม แจ๊ซ ไฮบริด ได้รับการออกแบบโดยอิงแนวคิดเรียบ และล้ำสมัย (Advance & Clean) โดดเด่นด้วยการออกแบบภายในห้องโดยสารเพื่อรองรับการใช้งานอเนกประสงค์ พร้อมพรั่งด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับระบบไฮบริดของแจ๊ซเป็นแบบคู่ขนาน (Parallel Hybrid) ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์เป็นขุมพลังหลักในการขับเคลื่อน เนื่องจากรูปแบบของระบบไฮบริดแบบคู่ขนานไม่ซับซ้อน จึงทำให้มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา
ซึ่งมีส่วนช่วยในการเพิ่มสมรรถนะการขับขี่และความประหยัดเชื้อเพลิง คงความสนุกในการขับขี่ชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ IPU ขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา จัดวางไว้บริเวณพื้นห้องเก็บสัมภาระด้านหลังของตัวรถ ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ของการจัดวางเบาะนั่งในรูปแบบเดียวกับแจ๊ซรุ่นเบนซิน ซึ่งสามารถปรับระดับได้หลากหลายรูปแบบ มีพื้นที่ใช้สอยตอบสนองการใช้งานและจัดเก็บสัมภาระได้อย่างเต็มที่ ผลลัพธ์ที่ได้คือ การสร้างสรรค์รถยนต์ไฮบริดขนาดซับคอมแพคท์ที่เพียบพร้อมด้วยคุณค่าใหม่ออกสู่ตลาดในประเทศไทยในวันนี้”
แจ๊ซ ไฮบริด สตาร์ทความสนุกทุกการขับขี่ เมื่อรวมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าไฮบริดแบบ IMA เข้ากับเครื่องยนต์ i-VTEC ขนาด 1.3 ลิตร เครื่องยนต์จะให้กำลังสูงสุด 88 แรงม้า (ที่ 5,800 รอบต่อนาที) และมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 14 แรงม้า (ที่ 1,500 รอบต่อนาที) เครื่องยนต์ให้แรงบิดสูงสุด 121 นิวตัน-เมตร (ที่ 4,500 รอบต่อนาที) และมอเตอร์ไฟฟ้าให้แรงบิดสูงสุด 78 นิวตัน-เมตร (ที่ 1,000 รอบต่อนาที) โดยเครื่องยนต์จะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อน และเสริมแรงด้วยพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกตัวและเร่งแซง เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำคงที่ เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน และเข้าสู่ EV Mode โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว ซึ่งในขณะที่เครื่องยนต์เข้าสู่ EV Mode จะไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ช่วงลดความเร็วหรือเบรก เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน ระบบจะนำพลังงานที่สูญเสียไปในขณะเบรกมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าส่งกลับคืนสู่แบตเตอรี่ไฮบริดเพื่อเก็บพลังงานไว้ใช้ต่อไป และเมื่อรถหยุด เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงานอัตโนมัติและเข้าสู่โหมด Idling Stop เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษ ทั้งนี้เทคโนโลยีไฮบริด ช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึงประมาณ 21.3 กิโลเมตรต่อลิตร (หรือ 4.7 ลิตร/100 กิโลเมตร) และปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 110 กรัมต่อกิโลเมตร* (*ข้อมูลการทดสอบภายในของฮอนด้า)
แจ๊ซ ไฮบริด ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานสไตล์สปอร์ตใหม่ล่าสุด อาทิ กระจังหน้า ไฟหน้าไฟท้ายแบบใหม่ดีไซน์ไฮบริด คิ้วโครเมียมฝากระโปรงท้าย ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ปุ่ม ECON ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ หน้าจอแสดงข้อมูล MID หน้าจอแสดงข้อมูลสถานะการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ทั้งนี้ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย เครื่องเสียงแบบโมดูลพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB และ AUX กล่องเก็บของใต้เบาะนั่งหลัง ช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางอเนกประสงค์ พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายกว้างขวาง รองรับทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะนั่งอัลตรา ซีท ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายโหมด เสริมความมั่นใจด้วยโครงสร้างตัวถังรถยนต์แบบ G-CON นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานด้วยถุงลมคู่หน้า Dual SRS และระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังรับประกันระบบไฮบริด ซึ่งประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า อุปกรณ์ควบคุม แบตเตอรี่ไฮบริดและระบบสายไฟไฮบริด โดยรับประกันทั้งระบบ เป็นระยะเวลาถึง 5 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง ฮอนด้า แจ๊ซ ไฮบริด ยังได้รับสิทธิคืนภาษีรถยนต์คันแรกด้วย
“ฮอนด้าจะยังคงมุ่งมั่นในการคิดค้นยนตรกรรมพลังงานสะอาด เพื่อตอบสนองนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม โดยฮอนด้าทั่วโลกต่างมุ่งมั่นในการแสวงหาแนวทางเพื่อปกป้องสภาพแวดล้อม ด้วยการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ เพื่อส่งมอบธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัยให้คนรุ่นใหม่และลูกหลานของเราในอนาคต” นายพิทักษ์กล่าวทิ้งท้าย
“กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย” เป็นกองทุนที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินยามที่ประเทศไทยอาจเกิดเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติในวันข้างหน้า โดยมอบเงินสมทบ 1,000 บาทต่อการขายรถยนต์หนึ่งคัน 100 บาทต่อการขายรถจักรยานยนต์หนึ่งคัน และ 10 บาทต่อการขายเครื่องยนต์อเนกประสงค์หนึ่งเครื่อง การสมทบรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เข้าไว้ในกองทุนอย่างเป็นระบบจะทำให้ฮอนด้าสามารถสำรองเงินไว้ใช้ในกิจกรรมบรรเทาทุกข์ ตลอดจนการเข้าช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที