หลังจากจัดการประกวดมาหลายครั้ง การประกวดโฆษณาแอดเฟส (AdFest) ครั้งที 16 ก็ได้ฤกษ์จัดงานอีกครั้งในวันที่ 17-19 มีนาคม ที่รอยัล คลิฟฯ พัทยา ที่เดิม โดยธีมการจัดงานของ AdFest ในปีนี้เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดที่ว่า “Connect the Dot” หมายถึง ความเข้าใจในความเป็นไปและความสัมพันธ์ของสิ่งรอบตัว และรู้จักเชื่อมต่อทุกสิ่งด้วยกลยุทธ์ เครื่องมือและประสบการณ์
โดยไฮไลท์สำคัญที่น่าจับตามองในปีนี้ คือ การเพิ่มรางวัลใหม่ๆ ขึ้นมาอีก 2 รางวัล ประกอบด้วย
1. Effective Lotus เพื่อกระตุ้นให้นักโฆษณาใส่ใจกับการผลสำเร็จของแคมเปญโฆษณา ให้มีส่วนในการกระตุ้นยอดขาย และสร้างผลตอบรับทางการตลาดที่ดี ไม่ใช่มุ่งเน้นแค่เรื่องของความคิดสร้างสรรค์เพียงอย่างเดียว
2. Mobile Lotus เพื่อปรับตัวกับสื่อใหม่ๆ ที่อยู่ติดตัวผู้บริโภค เป็นช่องทางการสื่อสารที่นักการตลาดและโฆษณาของไทยต้องทำความเข้าใจอีกมาก รวมแล้วมีรางวัลให้ครีเอทีฟได้ล่ารวม 16 แคทิกอรี่ แต่นั่นหมายถึงโจทย์ใหญ่ของ AdFest ในปีนี้ จะอยู่ที่การตั้งคำถามกับครีเอทีฟไทยว่า “ทุกวันนี้โฆษณาขายของได้ไหม และเข้าถึงโทรศัพท์มือถือผู้บริโภคได้หรือยัง”
และจากการเพิ่มแคทิกอรี่รางวัลใหม่ๆ เข้ามาก็ทำให้เอเยนซี่และครีเอทีฟไทยมีโอกาสคว้ารางวัลน้อยลง เพราะประเทศอื่นๆ อย่างญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมของผู้บริโภคเปิดรับสื่อใหม่ๆ ได้มากกว่า แต่ทาง วินิจ สุรพงษ์ชัย ประธานคณะกรรมการจัดงานแอดเฟส มองว่า จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจกับคนโฆษณาของประเทศไทยและในเอเชียแปซิฟิคเติบโตไปด้วยกัน
“บาง Entry เราก็ยังมีผลงานเข้าร่วมประกวดน้อย แต่ก็ถือว่าเราต้องก้าวเข้าไป เพื่อพัฒนาของอุตสาหกรรม ก็ถือว่าทำไป เรียนรู้กันไป แต่การเข้ามาของแคทิกอรี่ใหม่ๆ ยอดส่งผลงานในสื่อเดิมๆ ก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด”
ทางด้าน อ่อนอุษา ลำเลียงพล นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์การปรับตัวของเราเหล่าเอเยนซี่ว่า “ถึงแม้ว่ารางวัลจะต้องถูกเฉือนไปยังสื่อใหม่ๆ ทำให้เรามีโอกาสได้รางวัลน้อยลง เพราะบุคลากรยังเป็นเด็กๆ คนใหม่ๆ ที่อาจจะยังคลำทางไม่ถูก แต่เชื่อว่าวงการโฆษณาไทยเราก็ฮึดสู้อยู่ตลอด วันนี้เราเริ่มต้นแล้วทั้งเน็ตเวิร์ค เอเยนซี่ หรือบริษัทใหม่ๆ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำงานดิจิตอลก็พยายาม และเชื่อว่าพื้นฐานความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้ว เราขาดแค่เทคโนโลยี จะทำให้เรามีผลงานที่ดีได้ เพราะผลงานที่ดีต้องเกิดจากไอเดียแล้วค่อยเอาสื่อมาผสมผสานเป็น Big Idea ที่ทำให้เกิด Action”
“วันนี้กสทช. ก็อนุญาติเรื่อง 3G และดิจิตอลทีวีไปหมดแล้ว ก็คงต้องเป็นหน้าที่ของนักกการตลาด นักโฆษณาที่จะไปคิดว่าจะคุยกับผู้บริโภคให้ถูกช่องทางได้อย่างไร คนโฆษณาลำบากมากขึ้น จะใช้เงินก็ต้องมานั่งคิดว่าจะให้สื่อไหน กี่โมง กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร เขามีไลฟ์สไตล์แบบไหน ความคิดความเห็น การเสพสื่อของเขาเป็นอย่างไร”