สวยแล้วเฮง…ศัลยกรรมยุคนี้ มีดหมอไม่พอ ต้องพึ่งหมอดู

ทำศัยกรรมยุคนี้ สวยหล่อเป๊ะอย่างเดียวไม่พอ ทำแล้วต้องเฮงด้วย งานนี้เลยมีศาสตร์หมอดูมาให้บริการ ดูทั้งโหงวเฮ้งคนทำ และดวงหมอผ่าตัด เป็นอีกหนึ่งใน “การต่อยอด แตกแขนง” ธุรกิจศัลยกรรม มูลค่าสองหมื่นล้านบาท “ทำบุญสวยชาติหน้า ทำหน้าสวยชาตินี้” กลายเป็นคติประจำใจสาวไทยสมัยนี้ไปแล้ว จากที่ต้องบินไปอัพหน้าไกลถึงต่างประเทศ แต่ตอนนี้ในประเทศไทยเองก็มีคลินิกเสริมความงามเกิดขึ้นมากมาย ส่งผลให้ธุรกิจความงามและศัลยกรรมของประเทศไทยที่มีมูลค่ามากกว่า 20,000-30,000 ล้านบาทในปัจจุบัน และมีการเติบโตขึ้น 15-20% ต่อปี เพราะคนไทยเริ่มเปิดกว้างในเรื่องศัลยกรรมมากขึ้น แต่ธุรกิจศัลยกรรมความงามไม่ได้หยุดนิ่งแค่สถาบันหรือคลินิกอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีศาสตร์ของ “หมอดู” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย “Beauty Horo By Queen Tarot” คือชื่อเพจของหมอดูศัลยกรรม ซึ่งจะรับดูดวงเพื่อที่จะไปศัลยกรรมโดยเฉพาะ เพราะ “อาจารย์ควีน ทาโรต์” หรือ กฤษณา ตรีวิมล มีประสบการณ์การทำศัลยกรรมโดยตรงแทบจะทุกจุดบนใบหน้า

 

 

“เหตุผลที่หลายๆ คนที่จะทำศัลยกรรมอยากจะดูดวงที่นี่ เพราะนอกจากดูดวงแล้วอาจารย์ยังแนะนำเรื่องคุณหมอและสถานที่ได้ รวมไปถึงการให้คำปรึกษาเรื่องการดูแลตัวเอง การพักฟื้นหลังการทำศัลยกรรมด้วย อาจารย์ได้ศึกษาข้อมูลมาเยอะจึงให้คำปรึกษาได้ละเอียด แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องนำดวงของผู้ที่จะทำมาเช็กก่อนทุกครั้ง” อาจารย์ควีน ทาโรต์ กล่าวถึงการดูดวงศัลยกรรมของตนเอง หลักการดูดวงของอาจารย์ควีน ทาโรต์นั้น อันดับแรกต้องดูดวงของเจ้าของชะตาก่อนว่ามีจังหวะดวงช่วงเดือนไหน ปีไหน เป็นจังหวะที่ดี ศัลยกรรมออกมาแล้วจะสวยที่สุด นอกจากจะเป็นจุดที่ต้องการทำเองแล้ว อาจารย์สามารถดูความเหมาะสมของโหงวเฮ้งเพิ่มเติมได้ด้วย แต่ในการทำศัลยกรรมก็ไม่สามารถกำหนดเวลาตามใจเราได้เพราะต้องสัมพันธ์กับคิวคุณหมอด้วย คนไหนเป็นที่นิยม อาจจะต้องจองข้ามปีเลยทีเดียว ส่วนอันดับที่สองเราจำเป็นรู้ก่อนว่าคุณหมอท่านไหนดวงถูกโฉลกกับเรา มีดวงส่งเสริม เพราะการทำศัลยกรรมถึงแม้จะทำกับหมอที่เก่งที่สุด หากดวงไม่ถูกโฉลกกับหมอ ก็ทำออกมาได้ไม่ดีที่สุด ซึ่งเมื่อเลือกหมอที่ถูกโฉลกได้แล้วก็ต้องมาดูช่วงจังหวะเวลาที่จะทำออกมาแล้วสวยที่สุด เช่น เจ้าชะตาที่ต้องการศัลยกรรมให้ได้ผลน่าพอใจ และสวยที่สุด ควรต้องภายในเดือนตุลาคม ปี 2556 ดีที่สุด รองลงมาจะเป็นเดือนอะไร ปีอะไร ตามลำดับ ทำให้สามารถวางแผนการเงิน และการเดินทางได้อย่างสบายใจ ถ้าบางคนต้องการไปทำหน้าที่ต่างแดน จากที่กล่าวไปว่านอกจากจะดูดวงเพื่อไปศัลยกรรมแล้ว อาจารย์ควีนฯ ยังดูโหงวเฮ้งเพื่อประกอบกับ “ความสมดุล” ของใบหน้าอีกด้วย อาจารย์ควีนกล่าวเสริมว่า “การจะทำศัลยกรรมจำเป็นต้องดูโหงวเฮ้งประกอบ ยกตัวอย่าง บางคนอยากเสริมจมูก ชอบเสริมแบบโด่งๆ เหมือนจมูกฝรั่ง แต่หากเสริมมาแล้วจมูกโด่งเกินไปไม่สมดุลกับหน้าเรา ก็ผิดหลัก เพราะคนที่โหงวเฮ้งดีอาจจะไม่ใช่คนสวยที่สุด แต่เป็นคนที่ใบหน้ามีความสมดุลที่สุด อาจารย์ก็จะแนะนำว่าควรทำแบบไหนถึงจะเหมาะกับใบหน้าของเขา”

 

 

มีหลายคนที่เอารูปศิลปินดารามาให้อาจารย์ดูประกอบเป็นต้นแบบในการศัลยกรรม ผู้หญิงมักจะใช้รูป “อั้ม พัชราภา” ส่วนผู้ชายจะเป็น “ศิลปินเกาหลี” แต่ความแตกต่างของใบหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทำออกมาอาจจะไม่เข้ากับรูปหน้าก็ได้ การดูดวงศัลยกรรมนี้ อาจารย์จะใช้ไพ่ทาโรต์ และวันเดือนปีเกิด ประกอบกับดูโครงสร้างใบหน้า หากบางคนเดินทางมาไม่ได้หรืออยู่ต่างประเทศ ก็จะดูทาง Skype แทน เพราะจำเป็นต้องเห็นหน้าด้วย จะทำให้การทำนายชัดเจนยิ่งขึ้น ค่าบูชาครูดูดวงแบบส่วนตัวจะอยู่ที่ครั้งละ 3,000 บาท ซึ่งแต่ละวันจะมีผู้สนใจมาดูดวงเฉลี่ยวันละ 3-4 คน แต่ต้องจองคิวล่วงหน้าเท่านั้น ไม่สามารถวอล์กอินเข้าไปได้เลย ผู้ที่มาดูดวงก็มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ส่วนใหญ่อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป จนถึง 50 ปี อาจารย์ควีนฯ จะแนะนำสำหรับคนที่มีปัญหาทางรูปหน้าจริงๆ หรือบางคนต้องศัลยกรรมเพื่อใช้ในอาชีพที่ต้องใช้หน้าตา ซึ่งส่วนใหญ่จะระบุความต้องการมาก่อนอยู่แล้วว่าต้องการทำส่วนใดบ้าง แต่ถ้าใครที่อวัยวะปกติ จมูกไม่บี้ หรือโครงหน้าปกติ อาจารย์ก็จะไม่แนะนำให้ทำ ให้อยู่กับรูปหน้าเดิมดีกว่า จำลองภาพ 3 มิติก่อนลงมีด ส่วนใครที่พึ่งโหราศาสตร์แล้วยังไม่พอ อยากให้ชัวร์ว่าสวยจริง ก็มีทางเลือกจากระบบจำลองภาพ 3 มิติก่อนลงมือทำศัยกรรมจริง ระบบนี้มีชื่อว่า “Axis Three” ที่บริษัทโฟร์ออลโซลูชั่น โดย แพทย์หญิงอัมพร จิตะพันธ์กุล กรรมการผู้จัดการ มองโอกาสจากธุรกิจศัลยกรรมในไทยที่กำลังเติบโตมีมูลค่า 20,000 -30,000 ล้านบาท โดยเฉพาะต่างชาติ ที่นิยมเดินทางมาทำศัลกรรมในไทยปีละ 70,000-80,000 คน (50% ของนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 1.5 แสนคน จะมาใช้บริการความงามและศัลยกรรมในไทย) จึงได้นำเข้าอุปกรณ์ในการทำศัลยกรรมที่เรียกว่า “Axis Three” มาใช้ก่อนรักษาจริง ช่วยให้หมอสื่อสารกับคนไข้ได้ง่ายและชัดเจนมากขึ้น

 

 

ระบบสแกนภาพสามมิติ ทำให้คนไข้เห็นภาพจำลองผลการรักษาและการผ่าตัด ส่วนหมอก็สามารถเลือกชนิด ขนาด ปริมาณของการใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์เสริมจมูก ทรวงอก ตำแหน่งที่เหมาะสมของการรักษาด้วยการฉีด การเสริม หรือการฉีดสารฟิลเลอร์ ลูกค้าเป้าหมาย คือ โรงพยาบาลต่างๆ ที่มีแผนกศัลยกรรม โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลยันฮี วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก เอเซีย คลินิก และอื่นๆ คาดว่าคนไข้จะได้มีโอกาสใช้ Axis Three ไม่ต่ำกว่า 1,500 รายในปีแรก คิดเป็นมูลค่ารวมการรักษาด้วยการใช้ AxisThree ประกอบการตัดสินใจเป็นเงินมากกว่า 10 ล้านบาท วุฒิ-ศักดิ์ – นิติพล ขอลงศึกศัลยกรรมด้วยคน ทางด้านคลินิกเสริมความงาม เป็นที่รู้จักกันอย่างดีในด้านการรักษาผิวพรรณ โดยเฉพาะผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการรักษาสิว ทรีตเมนต์ ทำหน้าใส วัยรุ่นหนุ่มสาวที่มีสิวฮอร์โมนพุ่งพล่านขนาดไหนก็เอาอยู่ แต่เมื่อธุรกิจด้านการศัลยกรรมขยายตัว ทั้งสองคลินิกนี้ก็ขอลงศึกนี้ด้วย เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา จะเห็นความเคลื่อนไหวของทั้งสองคลินิกนี้อย่างชัดเจน คือ การสื่อสารผ่านสโลแกน ความสวย…รอไม่ได้, ความสวยเปลี่ยนชีวิตได้, ความสวยสร้างได้ ของวุฒิ-ศักดิ์ คลินิก พร้อมพรีเซ็นเตอร์ “ญาญ่าญิ๋ง” และ “เจมส์ จิรายุ” กับเรื่องราวดราม่าที่ถ่ายทอดในโฆษณา TVC นั่นก็ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดศัลยกรรมแล้ว แต่วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก ก็เพิ่งเปิดการศัลยกรรมแบบเต็มตัวก็เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีแค่อวัยวะ “จมูก” อย่างเดียวเท่านั้น ราคาจะอยู่ที่ 50,000 บาท ทุกกรณี แต่ตอนนี้มีโปรโมชั่นลด 25% จะเหลือเพียงแค่ 37,500 บาท สำหรับคนที่ปีกจมูกกว้างต้องการ “ตัดปีกจมูก” ราคาจะอยู่ที่ 35,000 บาท มีโปรโมชั่นลด 25% เช่นกัน ถ้าเทียบกับคลินิกศัลยกรรมในเมืองไทยราคานี้อาจจะดูสูงไปค่อนข้างมาก แต่ทางวุฒิ-ศักดิ์ยืนยันว่าเป็นซิลิโคลนแท้จากประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต! ทางด้านนิติพล คลินิกเองก็เปิดตัวด้วยสโลแกน “นิติพล Make Over สวยอยู่แล้ว… ก็สวยขึ้นได้อีก” พร้อมพรีเซ็นเตอร์ “ใหม่ ดาวิกา” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของการอยากสวยยิ่งๆ ขึ้นไปของสาวๆ ในโฆษณา TVC ซึ่งออกหลังวุฒิ-ศักดิ์ คลินิกไม่นานนัก ในด้านคลินิกศัลยกรรมของนิติพลก็เพิ่งเปิดตัวเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน แต่มีให้เลือกถึง 3 อวัยวะ “ตา จมูก ปาก” ราคาก็จะแตกต่างไปตามแต่ละแบบ เช่น ตา จะมี 3 ราคาด้วยกันคือ 1. ตาแบบเล็กบาง (เกาหลี) 18,000 บาท 2. แบบธรรมชาติ 15,000 บาท 3. เย็บหนังตา 12,000 บาท ซึ่งแบบที่หนึ่งเป็นแบบที่ฮิตที่สุด เพราะเทรนด์เกาหลีฟีเวอร์ยังคงอยู่ในเมืองไทย จมูกก็มี 3 ราคาเช่นเดียวกัน คือ 15,000 / 18,000 / 22,000 บาท ขึ้นอยู่กับแบบและวัสดุ ส่วนปากนั้นจะมีราคาเดียวคือ 14,000 บาท เป็นการทำริมฝีปากให้บางลง เหมาะกับคนที่มีปากหน้า หรือปากห้อย ในช่วงแรก ทั้งสองแห่งมีคลินิกที่รองรับการศัลยกรรมเพียงสาขาเดียวเท่านั้น ซึ่งวุฒิ-ศักดิ์ คลินิก สามารถใช้บริการได้ที่สาขา “เซ็นทรัล พระราม 9” ส่วนของนิติพล คลินิก สามารถใช้บริการได้ที่สาขา “รังสิต” โดยต้องจองคิวคุณหมอล่วงหน้า สัก 2-3 วัน แต่สามารถจองคิวได้ที่วุฒิ-ศักดิ์-นิติพล ทุกสาขา อย่างที่สองคือ “สวยเงินผ่อน” สามารถสวยก่อนผ่อนทีหลังได้ แค่มียอดการรักษา 10,000 บาทขึ้นไป ก็สามารถใช้บัตรเครดิต ผ่อน 0% ได้นานตั้งแต่ 3-10 เดือน เลยทีเดียว ซึ่งมีบัตรเครดิตร่วมรายการเกือบทุกธนาคาร เรียกว่าทำศัลยกรรมยุคนี้ มีให้เลือกแบบครบวงจร ทั้งหมอดู หมอผ่าตัด ทั้งในโรงพยาบาล ระบบเลือกคลินิก ทั้งแพงและถูก แถมมีเงินผ่อนเสร็จสรรพ