ราคูเท็น ตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่อันดับ 3 ของโลก และเป็นเจ้าจองตลาดออนไลน์ของไทย Rakuten TARAD.com เผยข้อมูลเชิงลึกของดัชนีอีคอมเมิร์ซ การวิจัยระดับโลกด้านเทรนด์ช้อปปิ้ง ซึ่งแสดงให้เห็นความสนใจของผู้บริโภคบนร้านค้าออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก โดยกว่าเกือบของผู้บริโภค (45%) ชอบแนะนำสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย โดยขาช้อปจากประเทศไทย (65%) มาเลเซีย (67%) และอินโดนีเซีย (67%) ที่ชื่นชอบการแชร์ และแนะนำมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความเข้มข้นในพฤติกรรมกาแชร์เรื่องราวผ่านสังคมออนไลน์ แต่ละประเทศมียอดการใช้จ่ายตำสุดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 300 เหรียญสหรัฐ ต่อคน นอกจากนี้ ผลวิจัยยังพบว่า ยอดการใช้จ่ายทั้งปี 2556 อยู่ที่ 725 เหรียญสหรัฐ ต่อคน โดยการสำรวจดังกล่าวยังพบอีกว่ายอดใช้จ่ายแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันมาก ในสหราชอณาจักร มียอดใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 1,700 เหรียญสหรัฐ ขณะที่อีกมุมหนึ่งของโลกนักช้อปชาวไทยมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนเพียง 243 เหรียญสหรัฐ ในปี 2556
คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com กล่าวว่า “ที่ราคูเท็น ตลาดดอทคอม เราเห็นการเติบโตของผู้เข้าชมเว็บไซต์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้นถึง 200 เท่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ที่เราเห็นได้จากผลสำรวจ โซเชียลมีเดียมีแนวโน้มที่จะมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ การ์ดเนอร์ (Gartner) ได้ทำนายไว้เมื่อต้นปีนี้ว่า ภายในปี 2015 50% ของข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้ารายใหม่จะมาจากโซเชียลเน็ตเวิร์ค อย่างเช่น ชื่อล๊อคอินในเฟสบุ๊ค ซึ่งเป็นการเติบโตที่รวดเร็วมากเมื่อเทียบกับไม่ถึง 5% ณ ปัจจุบัน ผู้เกี่ยวข้องในวงการจึงควรร่วมมือกันสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค เพื่อความสบายใจในการช้อปปิ้งและแบ่งปันข้อมูลผ่านช่องทางโซเชียลต่างๆ”
โมบาย ออฟไลน์และออนไลน์
เมื่อพูดถึงการช้อปปิ้งทางอุปกรณ์สื่อสารไร้สาย อินโดนีเซียยังคงรั้งตำแหน่งประเทศที่มีผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าในรูปแบบนี้มากที่สุด โดย 14% เปิดเผยว่าปกติจะช้อปปิ้งผ่านทางสมาร์ทโฟน แท๊บเล็ต ไม่ก็อุปกรณ์สื่อสารไร้สายชนิดอื่น ทางด้านขาช้อปชาวไทยก็ตามมาติดๆ อยู่ที่ 12% ในส่วนของผู้บริโภคชาวตะวันตก ประเทศที่อยู่อันดับต้นๆได้แก่ สหราชอาณาจักร (12%) สหรัฐอเมริกา (10%) และสเปน (9%)
ในขณะที่ ออสเตรีย (46%) และ เยอรมนี (46%) ทำคะแนนนำมาในฐานะประเทศที่ยังคงนิยมการช้อปปิ้งตามร้านค้าที่มีหน้าร้านอยู่มากกว่าการช้อปออนไลน์ บราซิล และ ไต้หวัน มีพฤติกรรมการช้อปออนไลน์ที่มีแนวโน้มเติบโตมากกว่า (29% ในไต้หวัน แบะ 26% ในบราซิล เลือกช่องทางออนไลน์) ส่วนผู้บริโภคในไทยก็มีเกือบ 1 ใน 5 คน (18%) ด้วยกันที่ชอบการซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ตมากกว่า
คุณภาวุธกล่าวเสริมว่า “ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์ โมบาย หรือร้านค้าปกติ ผู้บริโภคล้วนแล้วแต่มองหาการบริการคุณภาพเยี่ยมและประสบการณ์การช้อปที่ได้มาตรฐานเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหนก็ตาม ทุกวันนี้ การเปิดเว็บไซต์เพื่อเป็นช่องทางเสริมในการขายมันไม่พออีกต่อไป หน้าร้านบนเว็บไซต์จะต้องเพียบพร้อมไปด้วยข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภค”