“เมกาบางนา” จับมือ “อิเกีย” เพิ่มเส้นทางบริการรถรับ-ส่ง ได้แก่ รถเวียนบริการรับ-ส่ง, รถประจำทาง, รถมินิบัส, รถตู้ และแท็กซี่ในย่านชุมชนขนาดใหญ่ มุ่งอำนวยความสะดวกแก่นักช้อปจากทุกสารทิศ ภายใต้แนวคิด “อยู่ที่ไหนก็มาเมกาบางนาได้ง่ายๆ”
มร.คริสเตียน โอลอฟสัน ประธานกรรมการบริหารและผู้จัดการศูนย์การค้าเมกาบางนา เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเมกาบางนา ศูนย์การค้าแนวราบใหญ่ระดับภูมิภาคแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเหล่านักช้อปและประสบความสำเร็จอย่างดี โดยมีประชาชนในย่านบางนาและ ย่านอื่นๆ ให้ความสนใจเดินทางเข้ามาช้อปปิ้งเป็นจำนวนมาก เพื่อสัมผัสกับโปรเจ็กยักษ์ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงถึงกว่า 10,000 ล้านบาท โดยมี 5 สโตร์ระดับชั้นนำของประเทศ ได้แก่ อิเกีย (IKEA) ศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านระดับโลกจากสวีเดน ที่เปิดสาขาแรกในประเทศไทย, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, โฮมโปร และเมกาซีนีเพล็กซ์ ซึ่งเป็นแม่เหล็กดึงดูด ทั้งนี้ ในปี 2556 เมกาบางนา จึงความอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ประสงค์จะเดินทางมาช้อปปิ้งที่ เมกาบางนา ด้วยการเพิ่มบริการรถสาธารณะต่างๆ ภายใต้แนวคิด “อยู่ที่ไหนก็มาเมกาบางนาได้ง่ายๆ” อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดปริมาณรถบนท้องถนน และลดปริมาณมลพิษทางอากาศจากยานพาหนะ รวมทั้งช่วยลดปัญหาการจราจรที่ติดขัด
เมกาบางนา จึงได้เพิ่มบริการรถสาธารณะต่างๆ ได้แก่ รถเวียนบริการรับ-ส่ง (Shuttle Bus), รถประจำทาง, รถมินิบัส, รถตู้ และแท็กซี่ ในย่านชุมชนขนาดใหญ่เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ที่มีความประสงค์จะเดินทางมาช้อปปิ้งในเส้นทางที่เป็นย่านชุมชนใหญ่ๆ ประกอบด้วย
• รถเวียนบริการรับ-ส่ง (Shuttle Bus) เพิ่มจากจำนวนเดิมอีก 1 สาย รวมเป็น 2 สาย ได้แก่
1. เมกาบางนา – สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข ให้บริการทุกๆ 20 -30 นาทีโดยประมาณ รอบแรกเวลา 07.00 น. จาก สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข (ทางออก 5) และรอบสุดท้าย 23.00 น. จากเมกาบางนา 2. เมกาบางนา – แยกอ่อนนุช – บางกะปิ ให้บริการทุกๆ 30 – 35 นาทีโดยประมาณ รอบแรกเวลา 07.00 น. จาก บางกะปิ (จุดจอดรถแฮปปี้แลนด์สาย 1 และจุดจอดรถสี่แยกสวนหลวง) และรอบสุดท้าย 23.00 น. จากเมกาบางนา
ลูกค้าสามารถสอบถามเส้นทางและตำแหน่งรถเวียนบริการ รับ-ส่ง (Shuttle Bus), ได้ทันทีที่เมโทรแคร์ เซ็นเตอร์ โทร. 1731 เวลา 05.30 – 22.30 น. ทุกวัน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่บริการให้ข้อมูลการบริการรถชัทเทิลบัสทุกเส้นทาง เพื่อสะดวกในการวางแผนการเดินทาง รวมทั้งหากลูกค้าลืมสิ่งของบนรถสามารถแจ้งได้เช่นกัน หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mega-bangna.com
• รถประจำทาง จากเดิมที่มีจำนวน 4 สาย ที่วิ่งเข้าใน เมกาบางนา และจำนวน 7 สาย วิ่งผ่านหน้าเมกาบางนา โดยปี 2556 นี้ได้เพิ่มจากจำนวนเดิมอีก 7 สาย ที่วิ่งเข้ามาใน เมกาบางนา ได้แก่ สาย 2 เมกาบางนา – ปากคลองตลาด, สาย 2 (พิเศษ) ทางด่วน – เมกาบางนา – ปากคลองตลาด, สาย 23 เมกาบางนา – เทเวศน์ (สุขุมวิท), สาย 23 (พิเศษ) ทางด่วน – เมกาบางนา – เทเวศน์, สาย 45 เมกาบางนา – สี่พระยา (คลองเตย),สาย 45 (พิเศษ) ทางด่วน – เมกาบางนา – สี่พระยา และ สาย 508 เมกาบางนา – ท่าราช – สีลม
• รถมินิบัส เปิดให้บริการ 3 เส้นทาง ได้แก่ Big C เทพารักษ์ – เมกาบางนา, ราชภัฏธนบุรี – เมกาบางนา และ บ้านเอื้ออาทร หัวเฉียว – เมกาบางนา
• รถตู้ จากเดิมสายปริมณฑล (ไป-กลับ) จำนวน 6 สาย ให้บริการตั้งแต่เวลา 9.00-23.00 น. ได้แก่ เมกาบางนา – หมอชิตใหม่, เมกาบางนา – บางบ่อ (บางนา-ตราด), เมกาบางนา – เดอะมอลล์บางกะปิ, เมกาบางนา – ราม 2, เมกาบางนา – ปากน้ำ และ เมกาบางนา – ลาดกระบัง ส่วนสายต่างจังหวัด (ไป – กลับ) จำนวน 1 สาย ได้แก่ เมกาบางนา – ฉะเชิงเทรา ซึ่งในปี 2556 นี้ เมกาบางนาได้เพิ่มจากจำนวนเดิมอีก 4 สาย ได้แก่ เมกาบางนา – ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เมกาบางนา – มหาวิทยาลัยรามคำแหง 1, เมกาบางนา – ห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ และ เมกาบางนา – บางโฉลง
• รถแท็กซี่ จากเดิมที่มีให้บริการ 100 คัน ต่อวัน และนักขัตฤกษ์ วันเสาร์-อาทิตย์ เพิ่มเป็น 170 คัน นอกจากนี้ เมกาบางนายังได้ประสานกับสหกรณ์แท็กซี่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเพิ่มจำนวนรถบริการให้มากขึ้น
“นอกจากแผนการเพิ่มจำนวนรถบริการสาธารณะต่างๆ ในปี 2556 ภายใต้แนวคิด “อยู่ที่ไหนก็มาได้ง่ายๆเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับผู้ที่ประสงค์จะเดินทางมายัง เมกาบางนาแล้ว ยังมีแผนขยายโครงการอีกมากมาย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น อาทิ โครงการอู่รถประจำทาง (Bus Depot) และศูนย์กลางการขนส่งย่านบางนา (Megabangna Transportation Hub) ที่พร้อมจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคมนี้ รวมทั้งโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินงาน อาทิ การสร้างสะพานลอยคนข้าม ถ.บางนา-ตราด โดยมีทางเชื่อมเข้าสู่ในตัวศูนย์การค้า, การทำถนนเชื่อมต่อชุมชนและโครงการที่อยู่อาศัยบริเวณโดยรอบสู่เมกาบางนา และโครงการระยะยาว คือการเชื่อมต่อทางเดินจากศูนย์การค้าเมกาบางนากับโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง สายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นเส้นทางรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา (Light Rail Transit : LRT) ซึ่งเชื่อมต่อมาจาก BTS บางนา” มร.คริสเตียน กล่าวทิ้งท้าย
ศูนย์การค้าเมกาบางนานำเสนอปรากฎการณ์ความสะดวกสบายสูงสุดภายใต้คอนเซ็ปต์ “Everything Under One Roof” พัฒนาขึ้นจากรูปแบบของ “เมกามอลล์” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงมาแล้วในหลายๆ ประเทศทั่วโลก และเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกันก็มีการเพิ่มเติมองค์ประกอบและรายละเอียดของความเป็นช้อปปิ้งมอลล์ที่เทรนดี้ ทันสมัยเพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว การออกแบบตัวอาคาร และการจัดวางพื้นที่มุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างความโดดเด่นให้กับหน้าร้านของทุกๆ ร้านค้า ให้มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเป็นการสร้างบรรยากาศในศูนย์ฯ ให้มีชีวิตชีวา และสะดวกต่อการเดิน ช้อปปิ้ง จึงส่งผลดีต่อทั้งร้านค้าในการดึงดูดลูกค้า และผู้เข้าใช้บริการ ที่สามารถมองหาร้านค้าที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้น เรายังให้ความสำคัญกับการออกแบบภูมิทัศน์ พื้นที่สีเขียว และการเปิดรับแสงสว่างจากธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย” คริสเตียนกล่าวเพิ่ม
ด้วยพื้นที่ค้าปลีกรวมที่กว้างใหญ่กว่า 400,000 ตร.ม. เมกาบางนาประกอบด้วยร้านค้าต่างๆ จำนวนร่วม 800 ร้าน ใน 10 เมกาโซน พื้นที่ทุกจุดได้รับการออกแบบให้ง่ายต่อการเดินช้อปปิ้งและมองหาร้านค้าต่างๆ
• เมกา แฟชั่น ประกอบด้วย 200 ร้านแฟชั่นชั้นนำ
• เมกา ฟู๊ด ประกอบด้วย 100 ร้านอาหารนานาชาติ และคาเฟ่
• เมกา คิดส์ ประกอบด้วย 30 ร้านถูกใจเด็ก ๆ
• เมกา โฮม ประกอบด้วย 10 ร้านแต่งบ้านสุดเก๋
• เมกา เทค ประกอบด้วย 30 ร้านไอที แกดเจ็ท คอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าสุดล้ำ
• เมกา สปอร์ต ประกอบด้วย 20 ร้านอุปกรณ์ เสื้อผ้ากีฬา
• เมกา เวลเนส ประกอบด้วย 30 ร้านเพื่อสุขภาพและความงาม
• เมกา แบงค์กิ้ง ประกอบด้วย 11 ธนาคารชั้นนำ 5 สถาบันการเงินและประกันชีวิตประกันภัย
• เมกา ไลฟ์สไตล์ ประกอบด้วย 35 ร้านค้าเพื่อเติมเต็มความสุขให้วันสบาย ๆ
• เมกา เจมส์ ประกอบด้วย 19 ร้านค้า กับจิวเวลรี่หลากดีไซน์สวยภายใต้คอนเซ็ปต์“Your Everyday Jewelry”
เมกาบางนาพร้อมสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่นักช้อปไม่ควรพลาด และมุ่งมั่นที่จะเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่สำหรับการช้อปปิ้งและทุกไลฟ์สไตล์ที่ตรงใจทุกๆ คน