ทิสโก้ เวลธ์ แนะปรับพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ กระจายความเสี่ยง ชูตลาดหุ้นญี่ปุ่นน่าลงทุน หลังรัฐบาลใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตโดดเด่น และ Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุน
ทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) บริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนครบวงจรจากทิสโก้ โดยนางสาววรสินี สังวรเวชภัณฑ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ (Miss Vorasinee Sangvornvetphan, Wealth Strategist, TISCO Wealth) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ TISCO Wealth มองว่าเป็นจังหวะของการกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังตลาดหุ้นในต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี โดยตลาดที่แนะนำ คือ “ตลาดหุ้นญี่ปุ่น” ซึ่งมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่โดดเด่น
โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/2556 เป็นต้นมา เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวมากขึ้น หลังภาครัฐดำเนินนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หรือที่เรียกว่ามาตรการ “อาเบะโนมิกส์” (Abenomics) แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวประกอบด้วย 3 มาตรการหลัก คือ การใช้นโยบายการคลัง การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ และล่าสุดคือแผนยุทธศาสตร์การเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีนโยบายชัดเจนที่จะทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง จะส่งผลให้แนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตอย่างเด่นชัดขึ้น
ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าในปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี NIKKEI จะขยายตัว 60% และในปี 2557 จะขยายตัวอยู่ที่ 12% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นที่สุดในโลก โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และผลของการอัดฉีดสภาพคล่องจำนวนมหาศาลที่ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงราว 25% นับตั้งแต่ช่วงกลางไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ทุก ๆ 1% ของค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนขยายตัวขึ้นราว 2.4% และเป็นปัจจัยสนับสนุนผลกำไรของบริษัทในญี่ปุ่นต่อไป
นอกจากนี้ จากผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้ราคาหุ้นในแง่ P/E ปรับลดลง หรือเมื่อเปรียบเทียบกับราคาปัจจุบันที่ 20.4เท่า จะลดลงมาอยู่ที่ 18 เท่า ในสิ้นปี 2556 โดยทั้งราคาหุ้นในปัจจุบัน และราคาหุ้นเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานปี 2556 ยังคงถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลังที่ 22.9 เท่า ในปัจจุบันดัชนี NIKKEI เทรดอยู่ที่ระดับ P/E บนคาดการณ์ผลกำไรของปี 2556 ที่ราว 16.6 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในช่วง 3 ปีย้อนหลัง โดยหากสมมติให้ดัชนีเทรดที่ระดับ P/E เฉลี่ยในช่วงดังกล่าวที่ 21.2 เท่า หรือระดับสูงสุดที่ 25 เท่า ดัชนี NIKKEI ก็จะมี Upside จากระดับปัจจุบันอยู่อีกถึง 22% และ 44% ตามลำดับ
“แม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาแล้วแต่ยังคงถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดโลก ในปัจจุบันดัชนี NIKKEI ซื้อขาย ที่ระดับเฉลี่ย 1.5 เท่า ขณะที่ระดับการซื้อขาย ของตลาดฯประเทศพัฒนาแล้วมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.86 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาด NIKKEI มีระดับการซื้อขายที่ถูกกว่าตลาดฯประเทศพัฒนาแล้วกว่า 20% นอกจากนี้ ตลาด NIKKEI เป็นตลาดฯที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมี D/E ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว หรืออยู่ที่ 0.76 เท่า จึงถือเป็นตลาดที่น่าสนใจเข้าลงทุนเพื่อเปิดโอกาสในการแสวงหาผลตอบแทน รวมถึงเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน” นางสาววรสินี กล่าว
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน