ฮอนด้าเผยความสำเร็จและทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2556 ชูกลยุทธ์เพื่อครองแชมป์ประจำปี คาดยอดขายในประเทศกว่า 1.2 ล้านคัน

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย รายงานผลสำเร็จในการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 โดยมียอดการจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสะสม (ม.ค. – มิ.ย. 2556) สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในตลาด จำนวนทั้งสิ้น 131,458 คัน จากยอดขายตลาดรวมทั้งสิ้น 370,288 คัน หรือมีส่วนแบ่งตลาด 35.5% และเพิ่มขึ้น 172% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (48,309 คัน) พร้อมตั้งเป้าครองอันดับหนึ่งของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลประจำปี 2556 โดยใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ความสำเร็จที่มีมาอย่างต่อเนื่องนั้นทางบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณทุกการสนับสนุนของลูกค้าชาวไทย ที่ให้การตอบรับรถยนต์ทุกกลุ่มของฮอนด้าด้วยดีมาโดยตลอด สำหรับในครึ่งปีแรกนี้ โดยภาพรวมตลาดรถยนต์ของไทยยังคงมีอัตราการเติบโต โดยมียอดขายสะสม (ม.ค. – มิ.ย.) รวม 739,126 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ 600,384 คัน เพิ่มขึ้น 23.11% อันเป็นผลสืบเนื่องจากโครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญในการผลักดันตลาดรถยนต์ไทย ประกอบกับการฟื้นคืนกำลังผลิตของค่ายรถและระบบซัพพลายเชนสู่ระดับปกติได้อย่างรวดเร็วหลังเกิดปัญหาน้ำท่วม

สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 นี้ ฮอนด้าคาดว่าเศรษฐกิจในภาพรวมจะยังทรงตัวเหมือนในปัจจุบัน เพราะมีปัจจัยผันผวนทางเศรษฐกิจ เช่น ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น การผันผวนของตลาดหุ้นและราคาหุ้น รวมถึงการเร่งคลี่คลายปัญหาการระบายรถยนต์คงค้างของผู้ผลิตแต่ละราย โดยคาดว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยของปี 2556 จะลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วอยู่ที่กว่า 1.2 ล้านคัน”

ยอดการจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าในครึ่งปีแรกของปี 2556 มีดังนี้:

• กลุ่มรถยนต์ซับคอมแพคท์: ฮอนด้า ซิตี้ รถยนต์ยอดนิยมตลอดกาล ด้วยยอดจำหน่ายสะสมเป็นอันดับหนึ่งของเซ็กเม้นต์ จำนวนทั้งสิ้น 53,175 คัน (ม.ค. – มิ.ย. 2556) หรือคิดเป็น 33.6%

• ฮอนด้า แจ๊ซ ซับคอมแพคท์ 5 ประตู แฮทช์แบ็คยอดนิยม มียอดจำหน่ายสะสม 6 เดือน จำนวน 16,572 คัน หรือ 10.4 % เมื่อรวมยอดการจำหน่ายของทั้งสองรุ่น สูงถึง 69,474 คัน หรือคิดเป็น 44 % ของรถยนต์กลุ่มนี้

• กลุ่มรถยนต์ครอบครัว: ฮอนด้า แอคคอร์ด ยนตรกรรมสุดหรูเจนเนอเรชั่นที่ 9 ที่สุดแห่งความปรารถนา สามารถสร้างยอดจำหน่ายเดือนมิถุนายนสูงสุดในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภทครอบครัวด้วยยอดจำหน่าย 1,306 คัน หรือคิดเป็น 57.6% และเมื่อนับตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาสามเดือนครึ่ง (มี.ค. – มิ.ย. 2556) ฮอนด้าแอคคอร์ดยังครองตำแหน่งยอดจำหน่ายอันดับหนึ่งของกลุ่ม จำนวน 6,574 คัน อีกด้วย

• กลุ่มรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ SUV: ซีอาร์-วี ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในกลุ่ม ด้วยยอดจำหน่ายสะสมรวม 14,052 คัน (ม.ค.-มิ.ย. 2556) หรือ 71.6 % ของส่วนแบ่งตลาดรถยนต์กลุ่มนี้

• กลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ MPV: ฟรีด ผู้นำเทรนด์รถอเนกประสงค์ มียอดขายสะสมสูงสุดในกลุ่ม จำนวน 4,197 คัน หรือ 34.50% (ม.ค.-มิ.ย. 2556)

• กลุ่มรถยนต์อีโค คาร์: ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ สมาร์ท ไมโคร ลีมูซีน ติดท็อป 5 ของกลุ่มอีโค คาร์ ด้วยยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 14,956 คัน (ม.ค.-มิ.ย.) หรือคิดเป็น 15.9 % ของรถยนต์กลุ่มนี้ และฮอนด้า บริโอ้ มียอดขายรวม 2,735 คัน คิดเป็น 2.9 %

• กลุ่มรถยนต์คอมแพคท์: ฮอนด้า ซีวิค โฉบเฉี่ยวทุกเส้นสาย สามารถกวาดยอดขายได้จำนวน 17,710 คัน ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ คิดเป็นส่วนแบ่ง 29% ของกลุ่ม

นายพิทักษ์ กล่าวเสริมว่า “สำหรับในครึ่งปีหลังนี้ ฮอนด้ามั่นใจว่าจะสามารถทำยอดจำหน่ายรวมของปีนี้ได้มากกว่า 200,000 คันตามแผนที่วางไว้ โดยฮอนด้าเน้นการใช้กลยุทธ์การทำตลาดเชิงรุก 3 ประการ เพื่อครองความเป็นหนึ่งในตลาด ได้แก่ 1) นำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างต่อเนื่อง 2) การรักษาฐานลูกค้าเดิมและการเพิ่มลูกค้าใหม่ ด้วยการยกระดับการบริการ เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูดตอบโจทย์ทุกความต้องการ และ 3) ผสานการสื่อสารการตลาดและการประชาสัมพันธ์อย่างลงตัว มีการสื่อสารโดยชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมและตรงเป้าหมาย

“ด้านการพัฒนาคุณภาพการบริการ ฮอนด้าวางแผนเพิ่มพื้นที่การให้บริการครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ด้วยการขยายศูนย์บริการเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 175 แห่งเป็น 200 แห่งภายในสิ้นปีนี้ รวมทั้งการนำเสนอนวัตกรรมล้ำหน้าทางเทคโนโลยี เช่น การเปิดตัว HondaLink แอพพลิเคชั่นยานยนต์อัจฉริยะ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ของตนเองและสิทธิพิเศษ โปรโมชั่นต่างๆ ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส นอกจากนี้ฮอนด้ายังมี Enjoy Honda Club ที่พร้อมมอบสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกต่อเนื่องตลอดทั้งปี” นายพิทักษ์ กล่าว

“จากพันธสัญญาในการเป็นองค์กรที่สังคมต้องการให้ดำรงอยู่ตลอดไป ฮอนด้าจะมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ เพื่อเติบโตเคียงข้างสังคมไทย ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดตั้งกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทยขึ้น เพื่อเป็นกองทุนฉุกเฉินในการช่วยเหลือประชาชนชาวไทยเมื่อยามประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ปัจจุบันมีเงินสมทบเข้ากองทุนฯ แล้วถึง 500 ล้านบาท หรืออาจกล่าวได้ว่าในแต่ละวันจากการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทยมีเงินสมทบเข้ากองทุนฯ เฉลี่ยวันละมากกว่า 1 ล้านบาท กิจกรรมที่ทางกองทุน ฯ ได้ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยด้านภัยหนาว และน้ำท่วม ในจังหวัดต่างๆ การส่งมอบรถพยาบาลดัดแปลงจาก Step Wagon Spada และจักรยานยนต์ดัดแปลงจาก Honda CBR250R การจัดฝึกอบรมความรู้ในการรับมือกับภัยพิบัติกับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย

นอกจากนี้ในส่วนกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัท ฯ ฮอนด้ายังได้จัดกิจกรรมขับขี่ปลอดภัยในรถคันแรกกับฮอนด้า ตลอดจนกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทย ในโครงการ ฮอนด้า ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์ โครงการโรงเรียนสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อม เฉลิมพระเกียรติ และล่าสุดฮอนด้าได้เปิด Honda KidZania เพื่อการเรียนรู้โลกแห่งยนตรกรรมที่เต็มไปด้วยสาระและความสนุก เพื่อให้เยาวชนได้ร่วมสนุกผ่านการเล่นบทบาทสมมติ ณ สยามพารากอน อีกด้วย” นายพิทักษ์ กล่าวทิ้งท้าย