คนไทยใช้สมาร์ทโฟน ถ่ายรูป ฟังเพลง มากกว่าเข้าเน็ท ติดแบรนด์ ฟังก์ชั่นต้องจัดเต็ม

เมื่อสมาร์ทโฟนกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในชีวิตประจำวันของคนไทย และก็มีหลายราคาที่ทำให้สามารถจับจองได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันมีอัตราการใช้สมาร์ทโฟนในอยู่ที่ 36% และยังคงโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสที่ 3 ปี 2556 มีการสร้างสถิติใหม่ โดยเพิ่มขึ้นถึง 29.1% โตจาก 7.1 ล้านเครื่อง เป็น 8 ล้านเครื่อง เทเลนอร์ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ข้อมูลและสื่อระดับโลก ได้เผยผลสำรวจ Mobile Life 2013 โดย TNS เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือ โดยมีผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ 38,000 คน จาก 43 ประเทศ และทำการสำรวจในช่วงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2555 ถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 พบว่าอุปกรณ์ที่คนไทยต้องการเป็นเจ้าของมากที่สุดคือสมาร์ทโฟน แม้ว่าโทรศัพท์มือถือจะเป็นอุปกรณ์สำคัญในการเข้าถึงโลกดิจิตอลได้ง่ายดายมากขึ้น แต่การเชื่อมต่อส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการให้บริการอินเตอร์เน็ตของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ มีเพียง 39% เท่านั้น ที่ใช้งานดังกล่าว ส่วนที่เหลือนั้นเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านระบบ Wifi และที่น่าสนใจคือเนื่องจากสมาร์ทโฟนเริ่มมีราคาถูกลงในปัจจุบันพบว่า 56% ไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต อาจจะใช้ที่ฟังก์ชั่นอื่นๆ เช่น กล้องถ่ายรูป ฟังเพลง เป็นต้น “TNS จัดทำการสำรวจ Mobile Life ประจำปีขึ้นเพื่อที่จะได้เข้าใจถึงการใช้งานโทรศัพท์มือถือของผู้คนทั่วโลก และเพื่อที่จะได้รู้ว่าแพลทฟอร์มและบริการใด ที่น่าจะมีการเติบโตในอนาคต สำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลกอย่างเทเลนอร์แล้ว พฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์มือถือของผู้บริโภค รวมถึงผลกระทบที่เกิดจากการใช้งานธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้บริษัทได้เข้าใจถึงโอกาสและเทรนด์ใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต” นายโจ เวบบ์ หัวหน้าผ่ายดิจิตอล TNS ประเทศจีนกล่าว

 

 

คนไทยติดแบรนด์ ขอพรีเมียมไว้ก่อน ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับแบรนด์ของโทรศัพท์มือถือมาก เมื่อเทียบกับผู้บริโภคจากประเทศอื่นๆ โดยการสำรวจดังกล่าวมีการระบุ 18 ปัจจัยที่ผู้บริโภคทั่วโลกคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ ราคา อายุของแบตเตอร์รี่ แบรนด์ ขนาดและคุณภาพหน้าจอ รุ่น กล้อง คุณภาพเสียง ดีไซน์ หน่วยความจำ ความง่ายในการใช้งาน ระบบปฏิบัติการ เครือข่ายผู้ให้บริการ ช่องเชื่อมต่อต่างๆ การเรียกใช้อินเตอร์เน็ต การปรับแต่งรูปแบบการใช้งาน ความหลากหลายของแอพพลิเคชั่น ความสามารถในการเชื่อมต่อกับพีซี และความสามารถในการซิงค์ผ่านคลาวด์เซอร์วิส โดยผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับแบรนด์ในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ 30 จุด ส่วนเรื่องของราคาเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคคนไทยให้ความสนใจรองลงมาเล็กน้อย เป็นการส่งสัญญาณไปถึงแบรนด์ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและผู้ให้บริการเครือข่ายว่า “ตลาดประเทศไทยมีความต้องการแบรนด์พรีเมี่ยม”

 

 

สมาร์ทโฟนเติบโตแบบก้าวกระโดด ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยจะเติบโตอย่างมาก โดยในปัจจุบันมีคนไทยเพียง 36% เท่านั้นที่เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน แต่ความต้องการเป็นเจ้าของนั้นสูงเทียบเท่ากับตลาดอื่นๆ ทั่วโลก โดยเมื่อปีที่แล้วราคาเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนได้ลดลงมาต่ำกว่าราคาที่สูงสุดที่ผู้บริโภคชาวไทยยินดีที่จะจ่าย “ไทยถือว่าเป็นตลาดที่มีความหลากหลาย และเติบโตเร็วที่สุดในทวีปเอเชีย แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากในพื้นที่ห่างไกลที่มีอัตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตยังน้อย ถือว่ายังด้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียอยู่ แต่ขณะเดียวกันผู้ใช้งานในเมือง และกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้นมีความพร้อมสำหรับเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีอัตราการเชื่อมต่อที่รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะมีได้ในประเทศและทวีปเอเชียแล้ว” นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจของเทเลนอร์ในประเทศไทย กล่าว อย่างไรก็ตามโครงการฟรี Wifi ของรัฐบาลนั้นยังไม่ได้มีการให้บริการอย่างกว้างขวางมากนัก และผู้ใช้งานส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกว่าการใช้งานอินเตอร์เน็ตของแต่ละเครือข่ายยังมีราคาสูงอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าเครือข่ายให้บริการในราคาที่ถูกลง จะสามารถกระตุ้นการใช้งานและเพิ่มความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการดังกล่าวได้มากขึ้นอีกด้วย คนไทยลังเลใช้ Mobile Banking – Mobile Wallet ปัจจุบันมีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยเพียง 4% เท่านั้นที่เคยใช้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ กลุ่มผู้ที่สนใจที่จะใช้งานบริการดังกล่าวมากที่สุดคือกลุ่มช่วงอายุ 16-30 ปี แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมั่นใจในความปลอดภัย และชอบที่จะทำรายการกับพนักงานโดยตรง จึงเห็นได้ว่าในปัจจุบันคนไทยยังทำบริการธุรกรรมทางการเงินผ่านทางสาขาและผ่านทางคอมพิวเตอร์มากกว่าที่จะทำผ่านโทรศัพท์มือถือ และยังจำเป็นต้องมีความมั่นใจและความคุ้นเคยของบริการมากขึ้นก่อนที่จะหันมาเลือกใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นช่องทางหลัก แต่นอกจากบริการโมบาย แบงค์กิ้ง อีกหนึ่งบริการที่ค่อนข้างมาแรงในขณะนี้คือโมบายล์วอลเลท (Mobile Wallet) หรือการใช้โทรศัพท์มือถือแทนกระเป๋าสตางค์ คนไทยก็ยังรู้สึกลังเลที่จะใช้บริการนี้เหมือนกัน โดย 49% ระบุว่าพวกเขาไม่รู้สึกว่านั่นเป็นบริการที่มีความจำเป็นกับตัวเขา แต่เทเลนอร์เชื่อว่าผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีความรู้และความเข้าใจในเทคโนโลยี จะสามารถเปลี่ยนแนวความคิดได้รวดเร็วเมื่อบริการทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือมีการพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ เทเลนอร์เห็นว่าโมบายล์วอลเลท ในเมืองไทยก็จะเติบโตและประสบความสำเร็จได้เหมือนหลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้วในทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศมาเลเซีย การที่กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจ ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นบริการที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต โมบายล์วอลเลทนั้นจะเป็นบริการที่สามารถทำกำไรให้กับร้านค้าและผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การจ่ายเงินชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน SMS ผ่านการใช้แอพพลิเคชั่น หรือการแตะโทรศัพท์มือถือกับเซ็นเซอร์ในร้านค้าเพื่อชำระเงินค่าสินค้าจะกลายเป็นเรื่องปกติในประเทศที่กำลังมีการเติบโตในทวีปเอเชีย โดยประเภทของสินค้าและบริการที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงสุดได้แก่ การชำระค่าโทรศัพท์มือถือรายเดือน การชำระบิลต่างๆ ปั๊มน้ำมัน และร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด

 

 

เกือบ 50% เข้าโซเชียลเน็ทเวิร์คทุกวัน จากการที่ผู้บริโภคชาวไทยเริ่มมีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานสมาร์ทโฟนมากขึ้นนั้น ส่งผลให้ชาวไทยเป็นหันมานิยมใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กและบริการด้านดาต้า ซึ่งสำหรับตลาดที่มีอัตราการเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนเพียง 36% อย่างประเทศไทยแล้ว ถือว่าคนไทยเป็นกลุ่มที่มีการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ก ในอัตราที่สูง โดยมีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ 19% เข้าสู่โซเชียลเน็ตเวิร์กผ่านโทรศัพท์มือถือทุกวัน และตัวเลขนั้นโดดขึ้นไปถึง 49%สำหรับสมาร์ทโฟน จึงไม่น่าแปลกใจที่กรุงเทพฯ ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีอัตราการใช้งานดาต้าเพื่อเข้าเฟซบุ๊กเป็นอันดับหนึ่งของโลก และเฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์ ยังได้กลายเป็นวิธีใหม่ที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนเลือกใช้เพื่อส่งข้อความถึงกันอีกด้วย