กสิกรไทยจับมือเอเชียทีค ออกสินเชื่อพิเศษหลากหลายหนุนเงินหมุนเวียนให้ผู้เช่าร้านค้าในเอเชียทีคเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นการบริโภค ด้วยเล็งเห็นศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพฯ ตั้งเป้ามีผู้เช่าร้านค้าในเอเชียทีคเข้าร่วมโครงการ จำนวน300 ราย วงเงินสินเชื่อ 100 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยร่วมกับเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ออกโครงการสนับสนุนทางการเงินเพื่อผู้เช่าร้านค้าในโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจและเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งประกอบด้วย สินเชื่อเพื่อธุรกิจเริ่มต้น บริการสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ สินเชื่อไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน สำหรับเอสเอ็มอีที่มีข้อจำกัดในการหาหลักทรัพย์มาค้ำประกันสินเชื่อ แต่ต้องการเงินทุนในการประกอบธุรกิจ ขยายกิจการ หรือเพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ
สินเชื่อ SME กู้ง่ายหมดกังวลเรื่องเดินบัญชี บริการสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่มีหลักฐานการเดินบัญชี หรือมีการเดินบัญชีแต่ไม่มีความสม่ำเสมอ โดยธนาคารจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าจากเอกสารประเภทใบเสร็จรับเงิน ใบสั่งซื้อสินค้า ใบเสร็จค่าน้ำค่าไฟฟ้า ซึ่งผู้ขอสินเชื่อในโครงการนี้จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 1 เดือน
นอกจากบริการสินเชื่อดังกล่าวข้างต้น ธนาคารยังมีบริการทางการเงินที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการรับจ่ายเงินของผู้เช่าร้านค้า เพื่อให้ผู้เช่าร้านค้ามีเวลาในการบริหารร้านได้อย่างเต็มที่ ได้แก่ บริการชำระเงินผ่านการหักบัญชีอัตโนมัติกสิกรไทย เพื่อหักชำระค่าเช่าและค่าใช้จ่ายต่างๆ กับเอเชียทีค ฟรีค่าธรรมเนียม 3 เดือน บริการร้านค้ารับบัตรเครดิตผ่าน K-PowerP@y (mPOS) ใช้ได้กับสมาร์ทโฟน/แท๊ปเล็ต ทั้งระบบ iOSและ Android ซึ่งจะทำให้การรับชำระเงินจากลูกค้าสะดวกได้ทุกที่ทุกเวลา และมั่นใจด้วย SMS หรือ email ที่ยืนยันทุกการใช้จ่าย พร้อมโปรโมชั่นจากบัตรเครดิตกสิกรไทย เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าในเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ด้วยการออกโปรโมชั่นพิเศษ “อิ่มอร่อย 2 ต่อ รับโชคมากกว่า” ให้กับเอเชียทีคโดยเฉพาะ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้สนใจเข้ามาใช้บริการภายในโครงการมากขึ้น
นายพัชร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันการทำธุรกิจ Shopping &Travel Destination ได้รับความนิยมอย่างมาก เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของสถานที่ที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีการออกแบบให้มีบรรยากาศย้อนยุคแบบโคโรเนียล มีกระบวนการคัดเลือกร้านค้าเพื่อเข้ามาเปิดในโครงการ จึงทำให้กลายเป็นแหล่งรวมร้านค้าที่มีศักยภาพ เพราะความหลากหลายและความน่าสนใจของสินค้ามีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวของผู้บริโภค ความร่วมมือในครั้งนี้นอกจากช่วยเรื่องสภาพคล่องแล้ว อีกส่วนหนึ่งคือ ต้องการให้ผู้เช่าให้ความสำคัญเรื่องการเดินบัญชี ซึ่งจะส่งผลดีเมื่อผู้เช่าร้านค้าต้องการขยายกิจการก็จะสามารถขอสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น โครงการนี้ ธนาคารตั้งเป้ามีผู้เช่าร้านค้าในโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เข้าร่วมโครงการ จำนวน 300 ราย วงเงินสินเชื่อ 100 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้
ด้านนายโสมพัฒน์ ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ทีซีซีแลนด์ ผู้บริหารโครงการ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมามีสถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจมีอัตราการขยายตัวลดลง ผลกระทบที่เห็นคือ นักท่องเที่ยวต่างชาติลดน้อยลง การบริโภคในภาคครัวเรือน การลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐก็ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารกว่า 1,500 ร้าน ก็ยังสามารถดำเนินกิจการไปได้โดยที่ได้รับผลกระทบเป็นบางส่วน ซึ่งพบว่าปริมาณนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศลดลง โดยกรุ๊ปทัวร์นักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลงกว่า 25% ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยยังคงแวะเวียนมาไม่ขาดสาย จำนวนเงินไหลเวียนในโครงการอาจลดลงบ้าง จากการใช้จ่ายต่อคนจากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ 1,200 บาท จึงเห็นว่าโครงการที่ธนาคารกสิกรไทยได้นำเสนอเป็นสิ่งที่ดีมาก ทางโครงการเอเชียทีค จึงได้ร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย เปิดตัวโครงการสนับสนุนทางการเงินเพื่อผู้เช่าร้านค้าในเอเชียทีค โดยจะให้คำปรึกษาด้านสินเชื่อเสริมสภาพคล่อง สามารถนำเงินไปลงทุนซื้อสินค้า เตรียมตัวขยายกิจการต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง สามารถรองรับการเปิดตลาด AEC และก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง
ด้านนางวัลลภา ไตรโสรัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด กล่าวเสริมว่า นอกจากทางโครงการเอเชียทีค จะมีแผนการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวและการช้อปปิ้งภายในโครงการอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างเอเชียทีคและธนาคารกสิกรไทย จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะมาช่วยส่งเสริมให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ามีเงินทุนหมุนเวียนรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจอย่างเพียงพอ ด้วยแนวคิดที่ว่า ธุรกิจจะเติบโตอย่างยั่งยืนได้นั้น ทุกกลไกที่เกี่ยวข้องต้องเติบโตไปร่วมกัน ทางโครงการจึงคิดแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ในหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งร่วมมือกับธนาคารซึ่งเป็นกลไกหลักในการเสริมสภาพคล่องให้ร้านค้ารวมทั้งผู้บริโภค ทั้งนี้ทางเราเชื่อมั่นว่าจากนี้ไปภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะค่อยๆ ดีขึ้น และในระยะยาวจะมีแนวโน้มที่สดใสแน่นอน