กสิกรไทย รุกคนทำงาน เน้นออกประกัน เพิ่มทางเลือกออมเงิน

กสิกรไทยออกกรมธรรม์ใหม่ “ซูเปอร์เซฟวิ่ง ออมทรัพย์รับเยอะ” ประกันชีวิตควบออมทรัพย์ที่เงื่อนไขดีที่สุด เน้นเจาะลูกค้าระดับกลาง ชูผลตอบแทนสูงสุดถึง 3.5% จ่ายเบี้ยเพียง 5 ปี คุ้มครองนาน 10 ปี  มีเงินจ่ายคืน 2% ทุกปี ครบสัญญาได้ผลประโยชน์รวมถึง 130% ลดหย่อนภาษีได้ตั้งเป้าขายปีนี้ 50,000 กรมธรรม์ เผยเบี้ยประกันรวม 4 เดือนแรกโตถึง 34%

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับบริษัท เมืองไทยประกันชีวิตออกกรมธรรม์ประกันชีวิตใหม่ล่าสุด “ซูเปอร์เซฟวิ่ง ออมทรัพย์รับเยอะ” (Pro Saving 510) ซึ่งจะเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการออมเงินที่เงื่อนไขดีที่สุด ด้วยจุดเด่นตรงใจลูกค้าที่จ่ายเบี้ยประกันต่ำ ผลประโยชน์สูงโดยลูกค้าจ่ายเบี้ยประกันเพียง 5 ปี ได้รับการคุ้มครองยาว 10 ปี ได้รับเงินจ่ายคืน 2% ตั้งแต่ปีที่ 1-9 และในปีที่ 10 จะได้รับเงินครบสัญญา 112% รวมรับผลประโยชน์สูงถึง 130% ทั้งนี้ผู้ทำสามารถนำเบี้ยประกันที่จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้โดยจะรับประกันสำหรับผู้มีอายุตั้งแต่ 1 เดือนถึง 65 ปี ทุนประกันตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท

ที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทยได้ศึกษาความต้องการของกลุ่มลูกค้าบุคคลระดับกลาง (Middle Income Segment) ที่มีขนาดตลาดถึง 12 ล้านคน จึงเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่มีศักยภาพสูง พบว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความฝัน ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่อายุน้อยต้องการความมั่นคง มีชีวิตที่สุขสบาย และเริ่มมองหาการออมการลงทุนดังนั้นการออกแบบกรมธรรม์ “ซูเปอร์เซฟวิ่ง ออมทรัพย์รับเยอะ”ให้เป็นการประกันชีวิตควบการออมทรัพย์ที่ชำระเบี้ยประกันต่ำกว่ากรมธรรม์ ลักษณะคล้ายกันในตลาด แต่ให้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงหรือสูงกว่า น่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้ารายได้ระดับกลาง เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแค่ให้ความคุ้มครอง แต่ยังสามารถเป็นตัวเลือกในการออมได้อย่างดีอีกด้วย โดยธนาคารตั้งเป้าการขายในปีนี้ไว้ที่ 50,000 กรมธรรม์

 สำหรับผลการดำเนินงานของ K-Bancassurance ธนาคารกสิกรไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2557 มีเบี้ยประกันรับใหม่ทั้งสิ้นกว่า 8,600 ล้านบาท โตขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีเบี้ยประกันรับรวมกว่า 16,500 ล้านบาท เติบโตที่ประมาณ 30% สำหรับภาพรวมธุรกิจประกัน ทั้งธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยที่ผ่านมา ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ค่อนข้างผันผวน ซึ่งอัตราการเติบโตในภาพรวมในปีนี้จะชะลอตัวจากปีที่แล้วเล็กน้อย โดยธุรกิจประกันชีวิตมีอัตราเติบโตประมาณ 12% และประกันวินาศภัยเติบโตประมาณ 10%

ด้านตัวเลขภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตทั้งตลาดจากสมาคมประกันชีวิตไทยพบว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมีเบี้ยประกันชีวิตรับใหม่รวมทุกช่องทางประมาณ 50,000 ล้านบาท เติบโต 32% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีเบี้ยประกันรับรวมทั้งหมดกว่า 135,000 ล้านบาท เติบโต 23%ส่วนภาพรวมตลาด Bancassurance ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีเบี้ยประกันรับใหม่กว่า 32,800 ล้านบาท เติบโต 45% และมีเบี้ยประกันรับรวมกว่า 65,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 43%จะเห็นได้ว่าช่องทาง Bancassurance เป็นช่องทางที่มีส่วนช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจประกันชีวิตในภาพรวมเติบโตมากขึ้นจากปีก่อน

นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกสิกรไทยในฐานะผู้นำในธุรกิจ Bancassurance มีนโยบายที่จะเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจลูกค้าในทุกกลุ่มลูกค้าผ่านสาขาของธนาคารด้วยบริการที่ยอดเยี่ยม (Best Product with Excellent Service) และสร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ควบคู่กับบริการให้คำปรึกษา (K-Expert) ด้วยการศึกษาถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างลึกซึ้งเพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและเพื่อให้มั่นใจว่าจะส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมที่สุดและตรงใจที่สุดให้กับลูกค้า