เป็นที่คุ้นตาคุ้นตาดีกันอยู่แล้วสำหรับ “สมชัย เลิศสุทธิวงศ์” ซีอีโอ วัย 52 ปี คนล่าสุดของบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด หรือ เอไอเอส
สมชัย ถือเป็นลูกหม้อ ที่ทำงานร่วมกับกลุ่มชินฯ และเอไอเอสมา 24 ปีเต็ม เริ่มงานแรกในชีวิตด้วยการเป็นเจ้าหน้าที่พัฒนาโปรแกรม และ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์ ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จากนั้นจึงมาร่วมงานกับกลุ่มชินคอร์ป ไต่เต้าจากเซลส์แมนขายระบบคอมพิวเตอร์ในบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด จากนั้นทำงานอยู่เครือ จนมาเริ่มงานกับเอไอเอส ในปี 2541 ผ่านงานมาหลายด้าน ทั้งธุรกิจสัมพันธ์ ที่ต้องติดต่อกับหน่วยงานรัฐโดยตรง ไปจนถึงสายงานด้านการตลาด ดูแลบริการเสริม (VAS) ตำแหน่งล่าสุด Chief marketing officer ก่อนจะขึ้นแท่นซีอีโอ
กว่าจะขึ้นตำแหน่งใหญ่ไก็ม่ได้มาโดยง่าย สมชัย ต้องฝ่ากระบวนการ “เลือกเฟ้นซีอีโอ” ที่คณะกรรมการคัดเลือกจากรายชื่อ 40-50 รายชื่อ ก่อนจะหลือ 2 คนสุดท้าย ที่สมชัย แย้มว่า ต้องแข่งกับ “ซีอีโอ” บริษัทโทรคมนาคมระดับโลก วัย 40 ต้นๆ ที่ถูกเสนอชื่อเข้ามา เพราะมองว่า เอไอเอส เป็นองค์กรใหญ่ที่อยู่กับระบบเดิมการทำงานแบบเดิมมาเป็นเวลานาน ซีอีโอส่วนใหญ่เป็นคนเก่าคนแก่ อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงองค์กร
แต่ที่ฝ่าด่านอรหันต์มาได้ เป็นเพราะความคุ้นเคย และประสบการณ์ที่ทำมานา จนทำให้รู้ถึงจุดแข็ง และ “จุดอ่อน” ขององค์กร หากเมื่อเกิดปัญหาก็น่าจะช่วยนำพา“นาวา” ลำใหญ่อย่างเอไอเอส ฟันฝ่ามรสุมไปได้
เอไอเอสเอง ก็อยู่ในช่วงที่ยังมีโจทย์ใหญ่ มีเรื่องของการประมูลคลื่นความถี่ การต้องติดต่อประสานงานกับหน่วยงานรัฐ หากเลือกคนใหม่ไม่คุ้นเคย และไม่เข้าใจวัฒนธรรมองค์กร และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ อาจเสี่ยงเกินไปสำหรับสภาพงค์กรในเวลานี้ ที่ยังมีโจทย์เรื่องของการประมูลคลื่นความถี่ และการทำความเข้าใจกับหน่วยงานภาครัฐ
ในทางปฏิบัติ สมชัย ยังได้ “วิเชียร เมฆตระการ” ซีอีโอ เอไอเอสคนเดิม ที่ขอเกษียณก่อนครึ่งปี มานั่งเป็น “ที่ปรึกษา” ที่ทำงานแบบเต็มเวลาต่อไปอีก 2 ปี ที่จะช่วยให้การ “ส่งไม้ต่อ” เดินไปได้อย่างราบรื่น
“เลือกผมมาก็เหมือนกับได้ซีอีโอคู่” สมชัยบอกกับผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ และยังสำทับด้วย การเคียงคู่กับวิเชียร ร่วมแจก “ข้าวต้มมัด” เป็นที่ระลึกให้กับผู้สื่อข่าวในงาน The Next AIS ที่ถือเป็นงานเปิดตัว ซีอีโอคนใหม่อย่างเป็นทางการ ยังไม่รวมถึงความเป็น “คนโสด” ที่พร้อมทุ่มเทเวลาให้กับงานอย่างเต็มที่ ถือเป็นอีกคุณสมบัติหนึ่ง
งานนี้ “สมชัย” ยังสวมชุดแต่งกายสบายๆ ด้วยการสวมกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางใหม่ ที่ได้ขยับจากยุคโทรคมนาคมที่เป็นบริการขั้น “พื้นฐาน” มาสู่ยุค Digital Life Service Provider ซึ่งเป็นเรื่องของพัฒนาแอปพลิเคชั่นต่างๆ รองรับกับยุคของเทคโนโลยี “4G” ที่จะทำให้การใช้ดาต้าเพิ่มขึ้นอีกมาก เขาจะใช้เวลา 3 ปี กับการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
“ในยุคของผม ต้องใช้ทั้ง ความเร็ว และความจ้าบคู่กัน” คำอธิบายสั้นๆ ช่วงหนึ่งของสมชัย ที่สะท้อนได้ว่า ถึงแม้จะเป็นคนเก่า แต่ในยุคของเขา ก็จำเป็นต้องทำให้องค์กรเอไอเอส ดูหนุ่ม และสดใสขึ้น
