กสิกรไทยเชื่อมั่นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง มั่นใจทั้งปีกวาดลูกค้ารายย่อยได้ 3.3 ล้านราย

กสิกรไทยเผยผลการดำเนินงานธุรกิจลูกค้าบุคคลฯ ครึ่งปีแรก 2557 ไปได้สวย ยึดหัวหาดครองความเป็นผู้นำต่อเนื่อง ในด้านของขนาดกองทุนรวม ยอดเบี้ยประกันรับรวม ยอดรับบัตรจากธุรกิจร้านค้ารับบัตร ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตสูงที่สุดในตลาด มั่นใจเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ย้ำยุทธศาสตร์การเป็นธนาคารที่ลูกค้าเลือกใช้เป็นหลัก (Customer’s Main Bank) ปูพรมจัดกิจกรรมการตลาดเจาะลูกค้าในแต่ละกลุ่มตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่ มั่นใจสิ้นปีโกยลูกค้าใหม่รวม 3.3 ล้านราย

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แม้จะมีปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองเข้ามากระทบในช่วงที่ผ่านมา แต่สายงานธุรกิจลูกค้าบุคคลฯ ของธนาคารยังสามารถดำเนินงานในครึ่งปีแรกได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยรายได้จากค่าธรรมเนียมเติบโตได้ตามเป้าหมาย จากผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างรายได้ค่าธรรมเนียม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประกัน บัตรเครดิตและร้านค้ารับบัตร และผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Transaction Service ในขณะที่ด้านสินเชื่อ ธนาคารให้ความสำคัญกับคุณภาพสินเชื่อเป็นหลักและได้ตั้งเป้าหมายให้เติบโตสอดคล้องกับตลาด

ทั้งนี้ ธนาคารยังคงมีความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังนี้ เห็นได้จากตัวเลขประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ประเมินว่า ความต้องการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวจากสถานการณ์การเมืองที่เริ่มมีเสถียรภาพ การกระตุ้นบรรยากาศในภาคการท่องเที่ยว และการลงทุนภาคธุรกิจให้ทยอยฟื้นตัว ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ จากภาครัฐ ทำให้มีการปรับเพิ่ม GDP จาก1.8% เป็น 2.3% ทั้งนี้ การดำเนินงานของธุรกิจลูกค้าบุคคลฯ ของธนาคาร ยังเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ถึงแม้จะมีการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือน แนวโน้มการผิดนัดชำระหนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ เนื่องจากฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลางที่มีรายได้ตั้งแต่15,000 บาทขึ้นไป ประกอบกับกลยุทธ์ของธนาคารที่เน้นคุณภาพสินเชื่อ และกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพในการชำระหนี้ จึงไม่ค่อยมีความกังวลในเรื่องดังกล่าว

สำหรับครึ่งปีหลังนี้ ธนาคารเน้นการขยายฐานลูกค้าใหม่ ตั้งเป้ามีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นในปี 2557 เป็นจำนวน 3.3 ล้านราย โดยมีกลยุทธ์สำคัญคือ การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการในลักษณะที่เป็น “ไลฟ์สไตล์ เอ็กซ์พีเรียน” (Lifestyle Experiences) ที่ทำให้การทำธุรกรรมการเงินเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของลูกค้า และตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็น “ไลฟ์สไตล์ แบงกิ้ง” (Lifestyle Banking) รวมทั้งระดมกิจกรรมการตลาดเต็มรูปแบบเพื่อขยายฐานลูกค้าที่อยู่ในจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่ เพื่อเพิ่มสัดส่วนลูกค้าและฐานรายได้ให้มาจากต่างจังหวัดมากขึ้น โดยจะดำเนินงานผ่าน 4 แกนหลัก ได้แก่

การนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่เจาะไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มที่มีความสนใจเฉพาะเรื่อง เช่น ร่วมมือกับดูคาติ ไทยแลนด์ ออกบัตรเดบิตลิมิเต็ด เอดิชั่น “ดูคาติ เดบิต การ์ด” (Ducati Debit Card) ร่วมกับ LINE ประเทศไทย เปิดตัวเกมเศรษฐี LINE Let’s Get Rich ซึ่งธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้สนับสนุนหลักและกลายเป็นเกมที่มีสถิติการดาวน์โหลดสูงสุดในขณะนี้ โดยเตรียมเปิดตัวบัตรเดบิตLINE Get Rich ในเดือนสิงหาคมนี้

ด้านการให้บริการของทีมงานที่ปรึกษา ขยายบริการ K-Expert ให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชนในทุกระดับโดยเฉพาะตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่ พร้อมแผนเพิ่ม K-Expert เป็น 4,000 คน โดยมีกิจกรรมสำคัญในครึ่งปีหลังคือ การร่วมมือกับกับบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด จัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ “Meet the Expert อยากรวยเรียกพี่” ในรูปแบบละครเวทีสอดแทรกความรู้ทางการเงินการลงทุนรูปแบบใหม่ที่จะแปลงเรื่องที่เข้าใจยากให้มีรูปแบบสนุกสนาน เข้าใจง่าย และที่สำคัญคือจะต้องนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ มีบริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ เป็นผู้ผลิต เริ่มออนทัวร์ใน 5 ภาค 5 จังหวัดทั่วไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ อุดรธานี และหาดใหญ่ ตั้งแต่เดือน ส.ค.ถึง ต.ค. คาดว่าจะมีผู้ร่วมกิจกรรมครั้งนี้กว่า 6,000 คน

ในขณะที่ การให้บริการ เน้นการนำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยี ที่มีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อทำให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการ และได้รับความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมการเงิน เช่น การบริการตู้นิรภัยอัจฉริยะระบบ Intelligent Safe Deposit Box ให้กับลูกค้าเดอะวิสดอมกสิกรไทย ซึ่งเป็นที่แรกในประเทศไทย

และสุดท้ายคือ ช่องทางการให้บริการ เน้นการขยายสาขาและฐานลูกค้าต่างจังหวัดเป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพการเติบโตในระดับสูง ในครึ่งปีแรกธนาคารได้เปิดสาขาเพิ่ม 89 สาขา และตั้งเป้าจะเปิดเพิ่มในปีนี้รวม 170 สาขา ทำให้สิ้นปีนี้ธนาคารจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 1,145 สาขา ในด้าน ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้เพิ่มจำนวนเครื่อง Self-Service ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีจำนวนเครื่อง ATM แล้วประมาณ 9,500 เครื่อง และมีจำนวนเครื่องรับฝาก-ถอนเงินสดอัตโนมัติมากกว่า 2,700 เครื่อง

นายปกรณ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ธนาคารยังคงเฝ้าดูสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิด และปรับแผนเป็นระยะเพื่อสามารถบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ โดยตั้งเป้าหมายรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเติบโต 20-23% และตั้งเป้าหมายจำนวนลูกค้าใหม่ 3.3 ล้านรายในสิ้นปี  ด้านยอดเงินฝากและกองทุนรวม ตั้งเป้าเติบโต 6-8% เป้าหมายยอดสินเชื่อทั้งหมดอยู่ที่ 6-9% ซึ่งยังคงนโยบายการเติบโตอย่างระมัดระวังให้สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม