นิสชิน ฟูดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์นิสชิน เผยความสำเร็จในการก้าวสู่แบรนด์ระดับโลก ภายหลังกลุ่มบริษัทนิสชิน ฟูดส์ ได้ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมฟุตบอลชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษเป็นระยะเวลา 3 ปี ประกาศพร้อมเดินหน้ากลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ภายใต้สโลแกน “HUNGRY TO WIN” ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของนิสชินในไทยเป็น 10% ภายใน 3 ปี
นายมาซาฮิโระ ฟุไก กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิสชิน ฟูดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทนิสชิน ฟูดส์ได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อประมาณต้นเดือนกรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา รวมระยะเวลาสัญญา 3 ปี ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการตอกย้ำแบรนด์นิสชินในความเป็นแบรนด์ระดับโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายตลาดและสร้างยอดขายของนิสชินทั่วโลกเพิ่มเป็นสามแสนสองหมื่นล้านบาท
“นิสชินเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการที่ได้เป็นพันธมิตรกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลระดับตำนานของโลกที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จมาตลอด 136 ปี มีแฟนบอลมากถึง 659 ล้านคนทั่วโลก จะเป็นโอกาสทางการตลาดที่สำคัญและช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์นิสชิน จากแบรนด์ของญี่ปุ่นให้เป็นแบรนด์ ระดับโลกได้สำเร็จ” นายมาซาฮิโระ กล่าว
สำหรับแนวทางการทำตลาดของนิสชินในประเทศไทยปีนี้ นายมาซาฮิโระ กล่าวว่า จะเน้นกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ภายใต้สโลแกน “HUNGRY TO WIN” ซึ่งเบื้องต้นได้ทำการปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ โดยนำรูปของนักเตะทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาอยู่บนผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของนิสชินทั้งแบบซองและแบบถ้วย เพื่อเอาใจผู้บริโภคชาวไทย อีกทั้ง ยังมีแผนที่จะโฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ทุกช่องทาง รวมถึงจัดกิจกรรมทางการตลาด กิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้บริโภคชาวไทย โดยตั้งเป้าหมายว่าแคมเปญความร่วมมือกับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยผลักดันส่วนแบ่งทางการตลาดของนิสชินในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายใน 3 ปี
นอกจากนี้ นิสชินยังเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มนิสชิน ชิลลี นูดเดิล รสชาติ “สไปซี่ต้มยำกุ้ง” และ “รสผัดกะเพราแห้ง” แบบซอง ราคา 6 บาท ในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเน้นจุดเด่นในการเป็นบะหมี่เส้นกลม มีพริกในเส้น จึงเพิ่มรสชาติความเผ็ด จัดจ้าน อร่อยเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย