“กล่องยูเอชที” ปกป้องทุกคุณค่าสารอาหารสู่มือผู้บริโภคอย่างปลอดภัย

การเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพยังคงเป็นเทรนด์ที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจและอัพเดตกันอยู่เสมอ และด้วยไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบทำให้ผู้ที่รักสุขภาพจะต้องมองหาอาหารที่มีประโยชน์ รับประทานง่ายและพกพาได้สะดวก ดังนั้นบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ช่วยรักษาอาหารและเครื่องดื่มภายในให้สะอาด ปลอดภัย และเก็บคุณค่าทางอาหารไว้ได้ครบถ้วนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ ล่าสุด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ นิตยสาร Health & Cuisine จัดกิจกรรม “ปกป้องทุกคุณค่ากับเต็ดตรา แพ้ค” กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้รักสุขภาพ ณ คอนเวนชั่นฮอลล์ สำนักพิมพ์อัมรินทร์ ให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างถูกต้องและเหมาะกับไลฟ์สไตล์จากอาจารย์แววตา เอกชาวนา นักโภชนาการชื่อดัง พร้อมบอกเล่าประโยชน์ของกล่องเครื่องดื่มยูเอชทีที่ช่วยรักษาคุณประโยชน์ของเครื่องดื่มไว้ได้อย่างครบถ้วน ตลอดจนเวิร์คช็อปสอนทำอาหารว่างเพื่อสุขภาพ และเทคนิคการออกกำลังกายสมัยใหม่ที่เน้นความยืดหยุ่นของร่างกาย

อาจารย์แววตา เอกชาวนา นักโภชนาการประจำโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “พฤติกรรมการรับประทานอาหารของแต่ละคนจะส่งผลโดยตรงกับสุขภาพ เราจะมีสุขภาพดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเราได้รับสารอาหารแบบใดและมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน แต่พฤติกรรมการเลือกทานอาหารของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะเน้นอาหารที่ทานได้สะดวก รวดเร็ว อย่างเช่น อาหารแบบกึ่งสำเร็จรูป รวมถึงการทานอาหารซ้ำๆ และทานอาหารไม่ครบทุกมื้อ ซึ่งจากพฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้ได้รับสารอาหาร หรือคุณประโยชน์ไม่ครบตามที่ร่างกายต้องการ ดังนั้นการวางแผนเลือกอาหารในแต่ละมื้อจึงสำคัญมาก อย่างน้อยในหนึ่งวันควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยอาหารที่เลือกรับประทานทุกอย่างควรจะสะอาดและปลอดภัย การเลือกบริโภคอาหารจากบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยไปกว่าการเลือกอาหาร เพราะบรรจุภัณฑ์มีส่วนช่วยในการปกป้องอาหารที่อยู่ภายในจากสิ่งปนเปื้อน ซึ่งกล่องยูเอชทีก็เป็นหนึ่งในบรรจุภัณฑ์ที่สะอาดและปลอดภัย ทั้งยังมีฉลากโภชนาการระบุไว้อย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกและเปรียบเทียบสารอาหารที่จะได้รับอีกด้วย”

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เต็ดตรา แพ้ค เป็นบริษัทชั้นนำด้านกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม การให้ความรู้และข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องการเลือกบริโภคอาหารและเครื่องดื่มแก่ผู้บริโภค เป็นหนึ่งในหลายๆ กิจกรรมที่เต็ดตรา แพ้ค มุ่งมั่นดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญเรื่องอาหารการกิน ความปลอดภัย และการดูแลสุขภาพ ที่นอกจากจะต้องบริโภคอาหารที่สดใหม่แล้ว การเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากบรรจุภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย สามารถรักษาคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติของอาหารและเครื่องดื่มนั้นๆ ไว้ได้อย่างครบถ้วน ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน”

“สำหรับในครั้งนี้เราได้จัดกิจกรรม “ปกป้องทุกคุณค่ากับเต็ดตรา แพ้ค” เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับทราบคุณสมบัติและประโยชน์ของกล่องยูเอชทีซึ่งทำมาจากกระดาษที่ถูกเคลือบด้วยพลาสติกและอะลูมิเนียมฟอยล์แผ่นบาง ผนึกแน่นหนารวมกันถึง 6 ชั้น ตลอดจนกระบวนการผลิตและบรรจุที่ใช้เทคโนโลยีการบรรจุแบบปลอดเชื้อ (Aseptic technology)หรือระบบยูเอชที ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงในเวลาสั้นๆ ในระบบปิด ที่มีส่วนสำคัญในการทำให้อาหารและเครื่องดื่มที่บรรจุอยู่ในกล่องยูเอชที มีความปลอดภัย สามารถเก็บไว้ได้นานหลายเดือนโดยไม่ต้องแช่เย็นและไม่ใช้วัตถุกันเสีย ทั้งยังช่วยรักษาคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้อย่างครบถ้วน ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มในกล่องยูเอชทีจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการเลือกและจัดเก็บผลิตภัณฑ์แบบกล่องยูเอชทีอย่างถูกต้อง เช่น ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงการบริโภคผลิตภัณฑ์ในกล่องที่สังเกตเห็นรอยขาด กล่องบวมหรือบุบ ซึ่งอาจเกิดจากการขนส่งและจัดเก็บที่ไม่ถูกวิธี ทำให้อากาศ แสงสว่าง และแบคทีเรียสามารถเข้าไปทำปฏิกิริยาข้างในได้ รวมถึงไม่ควรบริโภคเครื่องดื่มที่เลยวันหมดอายุที่ระบุบนกล่องโดยเด็ดขาด ไม่ควรแช่ผลิตภัณฑ์ยูเอชทีในกระติกน้ำแข็งหรือน้ำร้อนเพราะจะทำให้เกิดการอ่อนตัวและชำรุดซึ่งเชื้อโรคจะสามารถปนเปื้อนเข้าไปได้ และควรดื่มเครื่องดื่มให้หมดทันทีที่เปิดกล่อง หากดื่มไม่หมดควรเก็บเข้าแช่เย็นทันทีและบริโภคภายใน 2-5 วันหลังเปิดกล่องแล้ว เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการของเครื่องดื่มภายในกล่องไม่ให้เน่าเสีย”

“การใส่ใจตลอดทั้งวงจรผลิตภัณฑ์ก็เป็นสิ่งที่เต็ดตรา แพ้ค ให้ความสำคัญมาโดยตลอดเช่นเดียวกัน โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบกล่องยูเอชทีที่สามารถตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคและลูกค้าอย่างตรงจุด การใช้แหล่งวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ เพราะกระดาษที่เราใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์เป็นกระดาษจากป่าปลูกเชิงพาณิชย์ที่มีการจัดการอย่างเป็นระบบและยั่งยืนได้รับการรับรองโดยองค์การจัดการด้านป่าไม้ (Forest Stewardship Council – FSC™) รวมถึงกระบวนการผลิตและบรรจุอาหารการขนส่งและจัดเก็บ ตลอดจนการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว ที่คำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและยึดหลักความปลอดภัยด้านอาหาร ตามคำขวัญที่ว่า “ปกป้องทุกคุณค่า™” (PROTECTS WHAT’S GOOD™) อันเป็นปรัชญาสำคัญที่เต็ดตรา แพ้ค ทั่วโลกยึดถือในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งเป็นการยืนยันถึงการปกป้องคุณภาพของอาหารและเครื่องดื่มที่บรรจุอยู่ภายในอีกด้วย” นางกลอยตา กล่าวเสริม

นอกจากนี้ ภายในงานยังได้จัดกิจกรรมเวิร์คช็อปทำอาหารว่างเพื่อสุขภาพจากเครื่องดื่มในกล่องยูเอชที ไม่ว่าจะเป็นเมนูน้ำดื่มสุขภาพ “Smoothie Fresh Up” น้ำดื่มที่มีส่วนผสมของนม นมถั่วเหลือง และน้ำผลไม้จากกล่องยูเอชทีที่ผสมผสานรสชาติได้อย่างลงตัว และเมนูอาหารว่างคือวุ้นรสชาเขียวสลับชั้นน้ำผลไม้จากกล่องยูเอชที “Green tea jelly with juice” เพิ่มความสดชื่นในยามบ่าย และปิดท้ายกิจกรรมด้วยการออกกำลังกายประกอบดนตรีแบบอีลาสติก (Elastic) ที่เน้นความยืดหยุ่นของร่างกายให้ผู้ร่วมกิจกรรมมีสุขภาพดีจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกาย

คุณกมลณัฐ เกษมสันต์ หนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรม “ปกป้องทุกคุณค่ากับเต็ดตรา แพ้ค” เล่าว่า “โดยปกติเป็นคนที่ดื่มเครื่องดื่มจากกล่องยูเอชทีอยู่แล้ว เพราะช่วงเช้าจะต้องรีบขับรถออกไปทำงาน จึงมักจะมีเครื่องดื่มจากกล่องยูเอชทีติดรถไว้เพื่อดื่มเป็นประจำทั้งในช่วงเช้าและระหว่างวัน เพราะสะดวกและพกพาง่าย พอได้มารับความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตและบรรจุของเต็ดตรา แพ้คก็ทำให้รู้สึกมั่นใจว่าการที่เราดื่มเครื่องดื่มจากกล่องยูเอชทีช่วยให้ได้รับประโยชน์จากเครื่องดื่มอย่างครบถ้วนและปลอดภัย และยังได้เกล็ดความรู้เกี่ยวกับวิธีการสังเกตและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์แบบกล่องยูเอชทีเพิ่มเติมด้วย ซึ่งจากปกติเราจะดูแค่วันหมดอายุและฉลากโภชนาการ หลังจากนี้รู้แล้วว่า เราต้องดูว่ากล่องเครื่องดื่มอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ ถ้ากล่องบุบหรือบวมก็ไม่ควรซื้อ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ทำในวันนี้ไม่ว่าจะเป็นการทำเมนูอาหารสุขภาพและการออกกำลังกาย ก็ยังสามารถนำมาปฏิบัติได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งคิดว่าหากทำควบคู่ไปกับการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ก็จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอค่ะ”