บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ฉลองความสำเร็จของศักยภาพในการประกอบยนตรกรรมหรูบีเอ็มดับเบิลยูและมินิครบ 50,000 คัน ของโรงงานที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นโรงงานเพียงแห่งเดียวของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่สามารถประกอบยนตรกรรมหรูได้ถึง 3 แบรนด์ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด พร้อมกันนี้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้จัดงานฉลองเพื่อแสดงความขอบคุณพนักงานทุกท่านสำหรับความอุตสาหะและการทุ่มเทแรงกายแรงใจซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับความสำเร็จในครั้งนี้อีกด้วย
มร. เจฟฟรีย์ กอดิอาโน กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในโอกาสที่โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิครบ 50,000 คัน ซึ่งตอกย้ำชื่อเสียงของเราในด้านศักยภาพในการผลิตที่มีประสิทธิภาพและความหลากหลายสูงสุดของเครือข่ายโรงงานบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก โดยหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้แก่โรงงานได้แก่แรงงานฝีมือชาวไทยซึ่งเปี่ยมไปด้วยทักษะความสามารถขั้นสูง รวมถึงความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานระดับสูงสุดนี้ไว้ พร้อมเดินหน้าสร้างความสำเร็จสำคัญครั้งต่อไปภายใต้ประวัติศาสตร์การดำเนินงานของบริษัทในประเทศกว่า 14 ปี”
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เริ่มดำเนินการผลิตเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2543 ด้วยพื้นที่การผลิตที่ครอบคลุมมากกว่า 75,000 ตารางเมตรและเงินลงทุนรวมกว่า 2.6 พันล้านบาท ภายใต้ความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปต่อศักยภาพการเติบโตของตลาดเอเชีย โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในประเทศไทยซึ่งพร้อมด้วยทำเลที่โดดเด่น ฐานการผลิตอันแข็งแกร่ง รวมถึงบุคลากรซึ่งเปี่ยมไปด้วยทักษะ ถือเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งภูมิภาคอย่างแท้จริง โดยโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู จังหวัดระยองแห่งนี้ได้สร้างผลงานโดดเด่นมากมาย ซึ่งรวมถึงการเป็นศูนย์กลาง ระดับโลกในการประกอบบีเอ็มดับเบิลยู มินิคันทรี่แมน และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู อีกด้วย
มร. กอดิอาโน สรุปว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่สามารถกล่าวได้ว่าการประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิครบห้าหมื่นคันพิสูจน์ให้เห็นว่าการตัดสินใจสร้างโรงงานบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทยนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง พนักงานหลายท่านได้ร่วมยืนหยัดด้วยกันมานับตั้งแต่วันแรกของการเดินสายการประกอบจวบจนทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าทุกท่านสามารถยืนยันได้ว่าโรงงานของเรามีพัฒนาการอย่างไรบ้างตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งทุกท่านได้ร่วมกันวางรากฐานที่มั่นคงเพื่อให้โรงงานของเราเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งมาโดยตลอด และผมขอขอบคุณทุกท่าน สำหรับความมุมานะและแรงกายแรงใจในฐานะที่ได้ร่วมกันวางรากฐานที่มั่นคงเพื่อให้โรงงานของเราเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งมาโดยตลอด”