สวอตช์เผยแล้ว ส่ง NFC กับบลูทูธลงนาฬิกาซัมเมอร์นี้

สวอตช์กรุ๊ป (Swatch Group) ผู้ผลิตนาฬิกายักษ์ใหญ่สัญชาติสวิส เผยกลยุทธ์เพื่อต่อสู้ในสมรภูมินาฬิกาอัจฉริยะแล้ว โดยจะส่งนาฬิการุ่นใหม่ที่รองรับ 2 เทคโนโลยีอย่าง NFC และบลูทูธลงตลาด เพื่อให้รองรับระบบการชำระเงินแบบ Contactless ได้
 
ตลาดนาฬิกาอัจฉริยะระอุขึ้นอีกครั้ง หลังบริษัทสวอตช์ (Swatch) สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ได้ออกมาเผยกลยุทธ์ของบริษัทที่จะใช้ต่อสู้กับบริษัทจากซิลิคอนวัลเลย์ ด้วยการส่งนาฬิการุ่นแรกของทางค่ายที่รองรับเทคโนโลยีการชำระเงินไฮเทค โดยระบุว่า พร้อมจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมนี้
 
โดยปัจจุบัน ทางค่ายได้ผลิตโปรดักต์ภายใต้ยี่ห้อ Omega, Breguet, Calvin Klein, Rado ฯลฯ รวมถึงแบรนด์ของตนเอง และมีส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่ก็มีบางกระแสที่มองว่า ผู้ผลิตนาฬิกา เช่น สวอตช์กำลังถูกบริษัทเทคโนโลยีก้าวเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่ง
 
Nick Hayek ซีอีโอของสวอตช์ เผยว่า ทางบริษัทจึงมีแผนที่จะเปิดตัว 2 เทคโนโลยีเพิ่มเติมลงในนาฬิกาของทางค่าย นั่นก็คือ NFC (near-field communication) เพื่อรองรับการชำระเงินแบบ Contactless และการเปิดใช้ห้องโรงแรมโดยที่ไม่ต้องใช้กุญแจ โดยนาฬิการุ่นที่รองรับชิป NFC จะวางจำหน่ายในอีก 2 เดือนข้างหน้า
 
เทคโนโลยีอีกตัวหนึ่งที่ทางค่ายจะผนวกลงในนาฬิกาก็คือ บลูทูธ เพื่อให้นาฬิกาสามารถแสดงข้อความ อัปเดตต่างๆ และการแจ้งเตือนได้ ซึ่งกำหนดการวางตลาดของเทคโนโลยีบลูทูธในนาฬิกาของสวอตช์คือ ช่วงซัมเมอร์นี้นั่นเอง
 
สำหรับการผนวกเทคโนโลยี NFC และบลูทูธนั้น ทางค่ายยังได้ร่วมมือกับ China UnionPay สมาคมผู้ให้บริการเครดิตการ์ดของจีนเพื่อให้บริการชำระเงินแบบ Contactless ในประเทศจีนด้วย รวมถึงยังได้ร่วมมือกับวีซ่า (Visa) เพื่อการชำระเงินในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
 
นอกจากนั้น มร.Hayek ยังได้ชี้ว่า สวอตช์ได้เปิดช่องสำหรับการพัฒนาให้นาฬิกาไฮเทคเพิ่มขึ้นอีกด้วย
 
“ไม่ว่าคุณอยากให้มันทำอะไร คุณสามารถขอให้นักพัฒนาสร้างแอปให้คุณได้ และชิปของเรามีเลเยอร์พิเศษที่คุณสามารถโปรแกรมมันได้ด้วยตัวเอง” ซีอีโอของสวอตช์กล่าวในงาน Press Conference
 
“คุณเลือกซื้อนาฬิกาสวอตช์ที่คุณชอบ จากนั้นก็สามารถปรับแต่งมันได้”
 
พร้อมกันนั้น เขายังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า บริษัทของเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาที่สามารถประหยัดพลังงาน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งนาฬิกาของบริษัทเทคโนโลยีโดยมากแล้วต้องชาร์จไฟทุกวัน
 
อย่างไรก็ดี เขาได้พูดอย่างชัดเจนว่า จะไม่มีการพัฒนาโปรดักต์เพื่อเข้าสู้กับแอนดรอยด์แวร์ หรือแอปเปิล วอตช์ อย่างแน่นอน
 
“เราจะไม่เปลี่ยนแปลงไปสู่การอัดฟีเจอร์ของสมาร์ทโฟนลงในนาฬิกาข้อมือ ให้ค่ายอื่นเขาทำไป ซัมซุง โซนี่ หรือใครต่อใครก็ตาม”
 
อย่างไรก็ดี อดีตวิศวกรของสวอตช์ อย่าง Elmar Mock ซึ่งปัจจุบันย้ายไปอยู่ที่ Creaholic consultancy ได้กล่าวถึงอดีตนายจ้างของเขาว่า กำลังประเมินบริษัทเทคโนโลยีจากซิลิคอนวัลเลย์ ต่ำเกินไป
 
“เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่า แบรนด์ เช่น โรเล็กซ์ และลักชัวรี่แบรนด์อื่นๆ ไม่กังวลต่อการมาถึงของนาฬิกาอัจฉริยะ แต่สำหรับสวอตช์แล้วตรงกันข้าม ผู้ผลิตนาฬิกาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ไม่ควรลืมเหตุการณ์ที่เราเคยประเมินนาฬิกา Quartz สัญชาติญี่ปุ่นต่ำเกินไปเมื่อยุค 70” 
 
ขณะที่บางเสียงก็ให้เครดิตแก่ค่ายสวอตช์ในแง่ที่ยึดจุดเด่นของตนเองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะเรื่องแบตเตอรี่ ที่เอาชนะนาฬิกาจากบริษัทในซิลิคอนวัลเลย์ได้
 
Pascal Koenig ที่ปรึกษาของ Smartwatch Group เผยว่า “เขารู้สึกชื่นชมที่สวอตช์มีกลยุทธ์ของตัวเอง พร้อมระบุว่า ในปีที่ผ่านมา ทุกคนคงได้เห็นโปรดักต์จำนวนมากในตลาดนาฬิกาดังกล่าว ดังนั้น จึงเป็นเรื่องดีที่สวอตช์ให้ความสำคัญต่อแบตเตอรี่ซึ่งเป็นจุดแข็งของตัวเอง นอกจากนั้น สวอตช์ยังเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และมีสายสัมพันธ์กับร้านค้าปลีกอย่างแน่นแฟ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย”
 
“จุดอ่อนของสวอตช์คือ ไม่เก่งในด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งอาจต้องหาพันธมิตรมาช่วยในด้านนี้ และการที่สวอตช์มีเงินสะสมอยู่จำนวนมากก็อาจใช้ซื้อบริษัทมาพัฒนาในส่วนนี้ได้”
 
ขณะที่ผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำอย่าง Fossil หรือ Tag Heuer นั้นก็คาดว่าจะมีการเปิดกลยุทธ์ของบริษัทในตลาดนาฬิกาอัจฉริยะขึ้นภายในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้ด้วยเช่นกัน 
 

นาฬิการุ่น Touch Zero One ที่สวอตช์พัฒนาให้หน้าจอเป็นแบบโมโนโครมเพื่อประหยัดพลังงาน