เทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง นอกจากจะเป็นเวลาแห่งความสนุกสนานของการเล่นสาดน้ำแล้ว ยังเป็นช่วงเวลา “น้ำขึ้นให้รีบตัก” หลายๆ สินค้าจะขายดีเป็นพิเศษในช่วงนี้ หรือบางสินค้าจะขายได้เฉพาะในเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น ทีมงานหน้า “SME ผู้จัดการ” ได้รวบรวม สินค้าที่คาดว่าจะสุดฮอต ลองดูกันว่าจะตรงใจหรือเปล่า
1. น้ำอบ
น้ำอบไทยใช้สรงน้ำพระเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เป็นสินค้าที่จำเป็นอย่างในเทศกาลวันปีใหม่ของคนไทย และหากกล่าวถึงยี่ห้อดังที่สุด คือ “น้ำอบนางลอย” ยืนยันมากว่า 90 ปีแล้ว
“ฟองจันทร์ ธ.เชียงทอง” เจ้าของธุรกิจ เล่าว่า ยอดขายในช่วงนี้จะสูงมากกว่า 2 เท่าของยอดขายทั้งปีรวมกันเสียอีก โดยทางร้านจะมีประเพณีประจำ จัดโปรโมชันลดราคาพิเศษ ตั้งแต่ประมาณต้นเดือนมีนาคม จนถึงกลางเดือนเมษายน ซึ่งลูกค้าเก่าๆ จะรู้กัน แต่ละปีจะซื้อไปขายต่อ และเก็บไว้ขายตลอดทั้งปี
แม้สภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ทว่าไม่กระทบต่อยอดขายของน้ำอบไทย เพราะเป็นสินค้าราคาไม่สูง และคนจำเป็นต้องใช้ในเทศกาล
2. ปืนฉีดน้ำ
อุปกรณ์ “ปืนฉีดน้ำ” พัฒนาไปไกลมาก มีทั้งลูกเล่น และสีสันมากมาย โดยปืนฉีดน้ำที่ขายกันอยู่ในปัจจุบันเกือบ 100% นำเข้ามาจากประเทศจีน แหล่งขายส่งสำคัญอยู่ที่ย่านสำเพ็ง ราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 20-500 บาท โดยผู้นำไปขายต่อจะบวกกำไรชิ้นละกว่า 50% แต่ถ้าไปขายตามแหล่งจัดงานสำคัญๆ เช่น ถนนข้าวสาร หรือถนนสีลม ราคาจะถูกบวกกำไรกว่า 100% ทีเดียว
วัชระ แก้วงาม หนึ่งในผู้ค้าปืนฉีดน้ำนำเข้าจากประเทศจีน ให้ข้อมูลว่า ปืนฉีดน้ำจะขายได้ดีเฉพาะช่วงสงกรานต์เท่านั้น ดังนั้นจะต้องวางแผนการขายโดยสต๊อกสินค้ามาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม และพยายามขายให้หมดภายในเทศกาลสงกรานต์
3. ดินสอพอง
แหล่งผลิตดินสอพองสำคัญอยู่ที่ตำบลท่าแค และตำบลท่าตะโก จังหวัดลพบุรี ที่ใต้พื้นดินมีแร่ธาตุที่เรียกว่า “ดินสอพอง” อยู่เป็นจำนวนมาก โดยชาวบ้านจะไปรับซื้อดินสอพองมาจากละแวกนั้น แล้วนำมาผลิตที่หมู่บ้านหินสองก้อน (ริมคลองชลประทาน) ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อของ “หมู่บ้านดินสอพอง” ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ทำดินสอพองกันแทบทุกครัวเรือน
ประยูร เลิศปาน หนึ่งในเจ้าของโรงงานดินสอพอง จ.ลพบุรี เผยว่า ในแต่ละปีจะมีออเดอร์สั่งดินสอพองจากทั่วประเทศ เช่น จ.พระนครศรีอยุธยา อุทัยธานี นนทบุรี ชลบุรี และ กทม. เพื่อนำไปขายต่อ สำหรับราคาขายจากแหล่งผลิตอยู่ที่ 35 บาทต่อ 20 กิโลกรัม นำไปขายต่อประมาณ 50 บาทต่อ 20 กิโลกรัม ส่วนผู้ที่นำไปขายปลีกจะบรรจุเป็นถุงเล็กๆ ประมาณ 10-20 บาท
“ธุรกิจการผลิตดินสอพองในหมู่บ้านถือว่าขณะนี้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็ครึกครื้นขึ้นบ้าง เพราะมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้ามาซื้อดินสอพองแบบเม็ดเพื่อไปจำหน่ายต่อ จากที่ในช่วงอื่นจะผลิตดินสอพองแบบเป็นก้อนเท่านั้น เพื่อขายส่งให้ภาคอุตสาหกรรม”
4. เสื้อลายดอก
เมื่อถึงเทศกาลสาดน้ำ หลายคนต้องหาซื้อเสื้อสีสันสดใส ลายดอกต่างๆ มาใส่ โดยเสื้อลายดอกนั้นมีหลายเกรดให้เลือกตั้งแต่ราคาถูกๆ ตัวละแค่ร้อยกว่าบาท จนถึงแบรนด์เนมราคาหลักพัน
สำหรับแหล่งค้าส่งเสื้อลายดอกอยู่ที่ย่านตลาดโบ๊เบ๊ โดยมีเกรดสินค้าให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ผ้าคอตตอน 100% กับกลุ่มใช้ผ้าแมมเบิด หรือผ้า TC โดยกลุ่มลูกค้าแทบทั้งหมดคือตลาดในประเทศ โดยมีตัวแทนมารับซื้อจากหน้าร้านที่บริเวณโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ไปขายต่ออีกที ราคาขายส่งตัวละ 100-150 บาท แล้วนำไปขายปลีกอยู่ที่ตัวละ 199-250 บาท
5. เสื้อยืดสกรีนข้อความรับสงกรานต์
หากเสื้อลายดอกเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลสงกรานต์แบบไทยดั้งเดิม เสื้อยืดสกรีนข้อความเกี่ยวกับวันสงกรานต์ก็คงเป็นตัวแทนของสงกรานต์ยุคใหม่ โดยวัยรุ่นหนุ่มสาวนิยมซื้อเสื้อประเภทนี้ไปสวมใส่เวลาเล่นน้ำ
โดยมากเสื้อยืดสกรีนลายจะมีสีสดใส มีข้อความสนุกสนานสกรีนอยู่กลางหน้าอก ทั้งข้อความเชิญชวนให้สาดน้ำ หรือเรียกรอยยิ้มจากผู้พบเห็น เช่น คนสวยอยากเปียก อยากโดนสาด ฯลฯ สำหรับแหล่งขายส่งสำคัญอยู่ที่ตลาดโบ๊เบ๊เช่นกัน ราคาขายส่งเฉลี่ยตัวละ 50-100 บาท นอกจากนั้น ตามเว็บไซต์ต่างๆ ยังมีเสื้อยืดสกรีนลายข้อความเก๋ๆ ออกมาขายทางออนไลน์จำนวนมาก
6. ซองกันมือถือเปียกน้ำ
ใครๆ ก็ต้องมีโทรศัพท์มือถือ เวลาไปเล่นน้ำจำเป็นต้องใส่ซองพลาสติกป้องกันเปียก มีทั้งแบบซิปล็อก ติดกระดุม ฯลฯ หรือสกรีนข้อความสนุก และลายการ์ตูนไว้ด้วย
สุนิสา บัวคลี่ เจ้าของกิจการโรงงานวิทยาพลาสติก เผยว่า สินค้าจะขายได้เฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทางบริษัทจะเริ่มออกขายตั้งแต่ประมาณกลางเดือนมีนาคม ไปจนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลังจากนั้นแทบขายไม่ได้ ราคาขายจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิดของซอง เฉลี่ยที่ประมาณชิ้นละ 10-30 บาท
7. แว่นตากันน้ำ
นับเป็นแฟชั่นใหม่ มาแรงตั้งแต่ปีที่แล้ว (2557) และต่อเนื่องถึงปีนี้ (2558) โดยเฉพาะสาวๆ นิยมสวมใส่กันมาก โดยดัดแปลงนำแว่นตาที่ช่างสวมใส่เพื่อทำงานมาปรับให้มีสีสันสดใส ประโยชน์ช่วยป้องกันน้ำเข้าตา และเสริมความสวยงาม โดยมีสีให้เลือกหลากหลาย เช่น แดง เขียว เหลือง ฟ้า เป็นต้น
สำหรับราคาแว่นตา ในตลาดขายส่งในปีนี้เริ่มที่ 300 บาท ไปจนถึง 500 บาทต่อโหล ซึ่งถ้าเป็นของนำเข้าจากจีนราคาอยู่ที่ 300 บาทต่อโหล แต่ถ้าเป็นสินค้าจากโรงงานในไทยเริ่มที่ 500 บาทต่อโหล โดยสินค้าของไทย และของจีนรูปแบบจะไม่ได้แตกต่างกัน แต่จะแตกต่างกันที่ตัวเนื้อพลาสติก และเลนส์แว่นตา
8. น้ำเปล่า – น้ำแข็ง
บนจุดเล่นน้ำสำคัญๆ แค่น้ำเปล่าใส่ขวดก็สามารถทำเงินทำทองได้แล้ว อย่างถนนข้าวสารมีผู้นำน้ำใส่ขวดแช่เย็นขายกันเต็มถนน ราคาขนาด 1 ลิตร ขายกันขวดละ 5 บาท หรือขวดน้ำเล็ก ขาย 3 ขวด 10 บาท
ภัทรวดี พจนี เจ้าของร้านขายน้ำปั่นบนถนนรามบุตรี เล่าว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทางร้านจะนำน้ำก๊อกมาใส่ขวดพลาสติก และแช่เย็นขาย ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และวัยรุ่น ยอดขายต่อวันหลายร้อยขวด กำไรสูงมาก เพราะแทบไม่ได้ลงทุนอะไรเลย โดยจะขายดี 2 ช่วง คือ ตอนเล่นน้ำ และตอนเลิกเล่นน้ำ เพราะหลายคนเจอแป้งเต็มตัว ต้องซื้อน้ำมาล้างหน้า ล้างตัว ก่อนกลับบ้าน
นอกจากนั้น ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าว หลายคนนิยมใส่ “น้ำแข็ง” ลงไปในถังน้ำ เวลาสาดคนโดนต้องสะดุ้งด้วยความเย็น ทำให้โรงงานน้ำแข็งขายดีจนผลิตแทบไม่ทัน
วันชัย จิตสดใส เจ้าของธุรกิจส่งน้ำแข็ง บนถนนข้าวสาร เล่าว่า วันเล่นสงกรานต์ ยอดขายมากขึ้นกว่าเดิมประมาณ 30-40% โดยเฉพาะถ้าเป็นน้ำแข็งก้อนจะขายได้มากกว่าปกติหลายเท่าตัว รายได้หลักหมื่นบาทขึ้นไปต่อวัน
9. ครีมกันแดด และหมวก
ก็อากาศเมืองไทยช่วงนี้ร้อนจัดจนน่ากลัว จะออกไปเล่นน้ำก็ต้องป้องกันตัวเอง ไม่อย่างนั้นผิวคงไหม้แน่ๆ ดังนั้น ตัวช่วยที่ดีคือ “ครีมกันแดด” โดยที่ขายดีต้องมีคุณสมบัติป้องกันแดด และขนาดเหมาะสมพกพาสะดวก นอกจากนั้น หมวกก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันไม่ใช่แค่อุปกรณ์ป้องกันแดดเท่านั้น แต่ยังเป็นสินค้าแฟชั่นยอดฮิตอีกด้วย
10. ข้าวไข่เจียว และอาหารกล่อง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ข้าวไข่เจียวขายข้างทางธรรมดาๆ กลายเป็นอีกสินค้ายอดฮิต มีพ่อค้าแม่ค้าทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นมาตั้งกระทะทอดขายกันตามแหล่งเล่นน้ำจำนวนมาก อาจจะเพราะเป็นเมนูที่ทำง่าย และเป็นที่นิยมของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เรียกว่าเมนูสิ้นคิด แต่ทุกคนก็ถูกใจ
ลูกค้ามักจะเป็นเด็กวัยรุ่น เมื่อเล่นน้ำก็หิว ต้องหาอาหารกินง่ายๆ รวดเร็วรองท้อง ซึ่งข้าวไข่เจียวเหมาะอย่างยิ่ง ราคาขายมีตั้งแต่ 10 -30 บาท แล้วแต่ปริมาณและเครื่องที่ใส่เพิ่มเติม นอกจากนั้น เมนูข้างทางต่างๆ ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เช่น ลูกชิ้นปิ้ง ข้าวเหนียวหมูปิ้ง และอาหารกล่องต่างๆ เป็นต้น
ที่มา : http://manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000039755