เตรียมไฟเขียว 24 ช่องทีวีดิจิตอล เลื่อนจ่ายค่าใบอนุญาตงวด 2 กว่า 8 พันล้าน

มีแนวโน้มผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล 24 ช่อง อาจได้รับผ่อนผันเลื่อนการจ่ายเงินค่าใบอนุญาตที่ได้ประมูลมาใน ปีที่สอง จำนวน 8,124.20 ล้านบาท ออกไปอีก 1 ปี

จากกรณีที่ ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล 24 ช่อง ได้ยื่นหนังสือไปที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อขอให้มีการเลื่อนการจ่ายค่าใบอนุญาติประมูลทีวีดิจิตอล งวดที่ 2 ออกไป 1 ปี  และขอยกเว้นการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 2% 

กสทช.พิจารณาแล้ว เห็นว่า ในกรณีการยกเว้นการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 2% กสทช. อาจจะไม่สามารถพิจารณาให้ได้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องการมีการจ่ายค่าธรรมเนียมทุกปี 

แต่สำหรับ กรณีการของเลือนการจ่ายค่าใบอนุญาติประมูลทีวีดิจิตอล งวดที่ 2 ออกไป  กสทช.ได้ทำหนังสือสอบถามถามคลังไปว่า  สามารถเลื่อนจ่ายเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลออกไปได้หรือไม่  และเป็นอำนาจใคร 

ล่าสุด กระทรวงการคลังได้ทำหนังสือตอบกลับมายัง กสทช. ว่าเป็นอำนาจของ กสทช. ที่จะให้เลื่อนการจ่ายค่าใบอนุญาตประมูลทีวีดิจิตอล งวดที่ 2 ออกไปได้อีก 1 ปี

ทางด้าน พันเอก นที  ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. บอกว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดของจดหมาย แต่หากกระทรวงการคลังตอบกลับมาแบบนั้น บอร์ด กสท. ก็พร้อมจะนำเสนอเรื่องนี้ให้บอร์ด กสทช.พิจารณา และถ้าเห็นควรด้วย ก็จะมีการออกประกาศ เพื่อเลื่อนการจ่ายเงินค่าประมูลงวดสองออกไปอีก 1 ปี ได้ 

“ผมเข้าใจดีว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจขณะนี้ รู้สึกความเห็นใจกับผู้ประกอบการทุกราย ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโดยรวม ก็น่าจะพิจารณาให้ได้”

ทั้งนี้ ตามกำหนดการ ผู้ได้รับใบอนุญาตทีวีดิจิตอล จะต้องจ่ายเงินค่าใบอนุญาตประมูลทีวีดิจิตอล  ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต ซึ่งคือ วันที่  25 พฤษภาคม ของทุกปี โดยจะต้องจ่ายเป็นสองส่วนคือ ส่วนแรก เงินประมูลขั้นต่ำต้องจ่ายภายใน 4 ปี เริ่มจากปีแรก 50% , 30%, 10% 10%

ส่วนที่สอง คือ เงินส่วนเกิน จะต้องจ่ายภายใน 6 ปี คือ 10% ในสองปีแรก  และปีละ 20 % ในอีก 4 ปี ที่เหลือ

หากได้เลื่อนออกไปอีก 1 ปี เท่ากับว่า เป็นการขยายการจ่ายเงินออกไปเป็น 7 ปี 

สำหรับ เม็ดเงินในปีที่สองนั้น ที่ทีวีดิจิตอล 24 ช่อง ต้องรวมกันมีภาระที่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมทั้งหมด 8,124.20 ล้านบาท แบ่งเป็นสองส่วนคือ ส่วนของราคาขั้นต่ำ จำนวน 4,557ล้านบาท และ ส่วนเกินจำนวน 3,567.20 ล้านบาท