ทีวีดิจิตอลสร้างความท้าทายให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ และรายเดิม ต่างสรรหาคอนเทนต์เพื่อเป็นแม็คเน็ตเพื่อแย่งชิงเรทติ้งคนดูให้ได้มากที่สุด สำหรับช่อง 5 ในฐานะช่องอนาล็อกเดิม ก็ต้องออกแรงเร่งมือกันหนักหน่อย
เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ผลิตรายการหลัก ในช่วงไพร์มไทม์อย่าง “เอ็กแซกท์” และ “เวิร์คพ๊อยท์” ถอนรายการไปออกในช่องทีวีดิจิตอลของตัวเอง โดยที่แกรมมี่ประมูลมาได้จำนวน 2 ช่อง คือช่อง “วัน” และ “จ๊เอ็มเอ็ม แชลนอล” ส่วนเวิร์คพ็อยท์ก็ประมูลได้ 1 ช่อง ทำให้แกรมมี่และเวิร์พ็อยท์เองต้องถอนคอนเทนต์จากช่องฟรีทีวีเดิม เพื่อไปอัดคอนเทนต์ให้กับช่องของตนเองให้แน่น เพราะทั้งคู่ต่างก็มีจุดแข็งของคอนเทนต์ด้านบันเทิง และวาไรตี้อยู่แล้ว
ช่อง 5 จึงต้องตกที่นั่งลำบาก ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีการดิ้นปรับแผนด้วยการปรับลดอัตราค่าเช่าเวลาลงเฉลี่ย 25-35% ให้กับผู้ผลิตรายการ และปรับเพิ่มสัดส่วนเวลาข่าวเป็น 40% สาระความรู้ 30% และบันเทิง 30% จากเดิมที่รายการข่าวมีสัดส่วนกว่า 32% ส่วนรายการสาระความรู้ มีสัดส่วนประมาณ 28% และรายการบันเทิง 40%
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคอนเทนต์ด้านบันเทิงยังคงเป็นที่สนใจของผู้ชมอยู่ การนำคอนเทนต์เข้ามาเสริมจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ลำพังจะผลิตคอนเทนต์เองก็ต้องแบกภาระเรื่องการลงทุน การจับมือกับ “พาร์ทเนอร์” จึงเป็นยุทธศาสตร์ที่ช่อง 5 กำลังเดินเกมอยู่ตอนนี้
ล่าสุดช่อง 5 ได้จับมือพาร์ทเนอร์ “เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย” เพื่อป้อนคอนเทนต์เข้าผังรวม 5 รายการ โดยมีทั้ง ซีรีย์เกาหลี, รายการวาไรตี้, สารคดี และเรียลลิตี้ โชว์ ได้แก่ คิมจุน วีรบุรุษกู้แผ่นดิน, The Andrew Show, The Exclusive ที่สุดของโลก, ท่องโลกกับ ททบ. 5 และ Dance Thailand Dance
เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย เป็นอีกหนึ่งผู้นำเข้า และส่งออกคอนเทนต์รายใหญ่ของเมืองไทย เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์รายการระดับโลกมาจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว ได้แก่ National Geographic, History Chanel, Discovery Chanel, Animal Planet และอื่นๆ อีกมากมาย
จักรพงษ์ แอนดรูว์ สุธีสถาพร กรรมการผู้จัดการ เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด กล่าวว่า “ดีลนี้เกิดจากทั้งทางเราเข้าไปเสนอทางช่อง 5 ซึ่งทางช่อง 5 เองก็สนใจ และต้องการคอนเทนต์มาเสริมอยู่แล้ว ในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ดีมากสำหรับผู้ขายคอนเทนต์ มีการเติบโตตลอด เพราะผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลจะปล่อยให้จอดำไม่ได้ ต้องมีคอนเทนต์ป้อนตลอด และตอนนี้ทุกคนเริ่มตระหนักแล้วว่าการผลิตคอนเทนต์เองไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ ทั้งต้องลงทุนเยอะ อีกทั้งยังไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย การซื้อคอนเทนต์จากต่างประเทศถือเป็นการช่วยชีวิต และพัฒนาธุรกิจได้ เพราะถูกกว่าการผลิตเองถึง 5 เท่า และรับประกันความสำเร็จมาก่อนแล้ว”
รายการเด่นที่จะเป็นตัวชูโรงก็คือ ซีรี่ย์เกาหลี “คิมจุน วีรบุรุษกู้แผ่นดิน” ออกอากาศช่วงไพร์มไทม์ เวลา 21.00 น. วันอังคาร-พุธ และมีอัตราค่าโฆษณา 1.5 แสน – 2.5 แสน ส่วนอีก 4 รายการที่เหลือจะมีอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยที่ 1 แสนบาท
ที่ผ่านมาลูกค้าของเจเคเอ็นจะอยู่ในช่องเคเบิ้ลเสียส่วนใหญ่ ส่วนลูกค้าในช่องทีวีดิจิตอลมีอยู่ 10 ช่อง และมีคอนเทนต์ของเจเคเอ็นเฉลี่ย 2-7 รายการ ยกตัวอย่างเช่น “ไบร์ท ทีวี” มี 5-6 รายการ และ “ว๊อยซ์ ทีวี” มี 1-2 รายการ
“วิธีการบริหารคอนเทนต์ให้ลูกค้าแต่ละเจ้าจะเลือกให้คนละกลุ่มกัน อย่างเช่น ช่องนี้ให้ซีรีย์เกาหลี อีกช่องหนึ่งให้ซีรีย์จีน และในซีรีย์เกาหลีก็แบ่งเป็นซีรีย์ยุคใหม่ กับซีรีย์แบบ Costume อีก ทำให้แบ่งคอนเทนต์ได้เหมาะกับช่อง ส่วนสาเหตุที่เลือกซีรีย์คิมจุนมาให้ช่อง 5 เพราะเลือกให้เข้ามาเสริมแบรนด์ดิ้งช่อง 5 ที่เป็นช่องที่เป็นช่องเกี่ยวกับความมั่นคง เพราะเนื้อหาจะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในประเทศเกาหลี และส่งเสริมความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์”
จากคอนเทนต์ที่ทางช่อง 5 ได้รับการเสริมทัพจากเจเคเอ็นนั้น จักรพงษ์ ได้เสริมเพิ่มเติมว่า “ตอนนี้ในช่วงเวลาไพร์มไทม์ที่เป็นซีรีย์เกาหลีมีเรตติ้งเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนแล้ว จากเดิมที่มีเพียงแค่ 1 แสน มั่นใจได้ว่าจะสร้างความมั่นใจให้นักโฆษณาหันมาสนใจช่อง 5 เพิ่มมากขึ้นได้”