หลังจาก เจ๊ติ๋ม หรือ พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ใช้มาตรการปิดสวิทช์ทีวีดิจิตอล “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” โดยไม่จ่ายค่าประมูลใบอนุญาตออกอากาศทีวีดิจิตอล 2 ช่องของกลุ่มทีวีพูล คือ ช่อง ไทยทีวี และช่องโลก้า งวด 2 ให้กับทาง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ซึ่งครบกำหนดไปเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมกับได้ยื่นหนังสือขอยกเลิก ใบอนุญาตออกอากาศทีวีดิจิตอลช่องไทยทีวี และโลโก้ ไปยังกสทช.
แต่เรื่องนี้ไม่สามารถยุติลงได้ทันทีอย่างที่ทีวีพูลต้องการ เพราะมีข้อกำหนดทางกฎหมายของสัมปทานว่า หากไม่จ่ายค่างวดตามกำหนดจะต้องจ่ายค่าปรับปีละ 7.5% เฉลี่ยวันละ 60,000 บาท และต้องเสนอแผนเยียวยาผู้ชม มาให้ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. เห็นชอบก่อน จึงเลิกได้ และถึงแม้จะยกเลิกใบอนุญาตจนครบ 6 งวด ก็ยังต้องจ่ายค่าใบอนุญาต และหากยุติการออกอากาศ โดยไม่ได้รับอนุมัต จะมีความผิด ถูกเพิกถอนใบอนุญาต
ในขณะที่ปัญหาเดิมยังไม่ยุติ ปัญหาใหม่กำลังตามมาอีก เนื่องจากเมื่อวานนี้ (2 มิถุนายน 2558) เป็นวันครบกำหนด การจ่ายค่าธรรมเนียมรายปี 2% ของทีวีดิจิตอล เนื่องจากตามข้อกำหนดในสัมปทานทีวีดิจิตอลมีกำหนดจ่าย 150 วัน หลังจากปิดบัญชีประจำปี ซึ่งตรงกับวันที่ 31 พฤษภาคม 2558 แต่เนื่องจากตรงกับวันหยุด จึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 2 มิถุนายน
ผลปรากฎว่า ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลมากัน 22 ช่อง รวมทั้ง ช่องอนาล็อกอีก 3 ราย คือ ช่อง 3 ช่อง 7 และช่องไทยพีบีเอส ขาดแต่ช่องไทยทีวี และ LOCA ของทีวีพูลเท่านั้นที่ไม่มาจ่ายค่าธรรมเนียม
การไม่จ่ายค่าธรรมเนียมครั้งนี้ จะส่งผลให้ทีวีพูลต้องถูกยึดใบอนุญาประกอบทีวีดิจิตอล และจะส่งผลไปถึงการถูกเพิกถอนใบอนุญาติทีวีดาวเทียมด้วย เพราะเงื่อนไขระบุไว้ว่า บริษัทที่รับใบอนุญาตทีวีดาวเทียม จะต้องไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตมาก่อน
นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าทีวีพูลจะถูกเพิกถอนใบอนุญาต สิ้นสภาพการเป็นทีวีดิจิตอลฟรีทีวีแล้วก็ตาม แต่ตามประกาศใบอนุญาตประเภทบริการธุรกิจ ข้อ 13 (19) ระบุไว้ว่า ผู้ถูกเพิกถอนใบอนุญาติ จะต้องเสนอมาตรการเยียวยามาให้กับกสทช.ด้วย เพราะถือเป็นภาระผูกพันของผู้ประกอบการฟรีทีวี ย่อมส่งผลไปถึงการกลับไปทำทีวีดาวเทียมของทีวีพูล