ข่าวในประเทศ – ประธานใหม่ “วอลโว่” ตอกย้ำความสำคัญของตลาดไทย พร้อมมุ่งนำเสนอเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก ผลิตภัณฑ์ และบริการหลังการขายที่ดี เผยเตรียมนำเข้าเอสยูวีรุ่นดัง XC90 มาทำตลาดต้นปีหน้า
แอเน็ต แอนเดอร์สัน กรรมการผู้จัดการคนใหม่ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า
ประเทศไทย เป็นตลาดที่สำคัญสำหรับวอลโว่ คนไทยรู้จักวอลโว่ในฐานะรถยนต์หรูที่ปลอดภัย โดยมีความสัมพันธ์กันมายาวนานกว่า 40 ปี และในอนาคตวอลโว่จะยังคงตอบสนองความต้องการลูกค้าของเราด้วยยนตรกรรมที่เป็นหนึ่งด้านความปลอดภัย เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ขับสนุก และให้ความสะดวกสบาย ที่สำคัญมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสำหรับตอบสนองความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นรถยยนต์นั่งสี่ประตู รถเอสเตท และรสครอสโอเวอร์
วอลโว่มีการพัฒนาการด้านออกแบบ และเทคโนโลยีไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับความปลอดภัย ความหรูหรา และสมรรถนะ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ Scalable Product Architecture Platform (SPA) ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มโครงสร้างความปลอดภัยและการรวมระบบอัจฉริยะเข้าด้วยกัน ช่วยปกป้องทุกชีวิตให้ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง SPA ได้ปฏิวัติเทคโนโลยีด้วยการนำระบบป้องกันการชนหลายลักษณะเข้ามาใส่ไว้ในรถยนต์ ทำให้อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ คุณลักษณะต่างๆ ที่กล่าวมาถูกนำมารวมไว้ในวอลโว่ XC90 ใหม่ รถที่ได้รับการยอมรับโดยผู้ทดสอบรถยนต์ทั่วโลก ว่ามีเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำหน้าและเปี่ยมด้วยความสะดวกสบาย
“หลังจากที่มีการแนะนำ วอลโว่ XC90 ใหม่ในตลาดยุโรปและอเมริกา ปรากฏว่าได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และผู้ชื่นชอบรถยนต์ในอีกหลายประเทศพากันรอคอยการเปิดตัวของรถดังกล่าว สำหรับประเทศไทยจะมีการแนะนำวอลโว่ XC90 ใหม่ที่เป็นรถนำเข้า (CBU) จากทอร์สแลนด้า สวีเดน ประมาณไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2559 ราคาอยู่ที่ประมาณ 6 ล้านบาท ส่วนรุ่นรถประกอบในอาเซียน (CKD) ยังไม่ได้กำหนดช่วงเวลา
ในส่วนการบริการหลังการขาย เป็นสิ่งที่วอลโว่ให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเรื่องผลิตภัณฑ์ โดยวอลโว่มอบฟรี 3 แพ็คเกจที่เพื่อความอุ่นใจหลายต่อแก่ลูกค้ารถใหม่ทุกคัน ไม่ว่าจะเป็นบริการ Volvo Maintenance บำรุงรักษา 5 ปีหรือ 100,000 กม. Volvo Warranty บริการรับประกันคุณภาพฟรี 3 ปีหรือ 100,000 กม. และ Volvo Assistance บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 3 ปี
วอลโว่มีการพัฒนาบริการหลังการขายให้ดีขึ้นมาโดยตลอด ทั้งในการให้บริการซ่อมบำรุง การให้บริการอะไหล่ในเวลารวดเร็วและราคาที่เหมาะสม รวมถึงการจัดการอบรมช่างเทคนิกอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการนำ VIDA New Generation 2015 เทคโนโลยีสิทธิบัตรใหม่มาใช้ เพื่อการวิเคราะห์รถที่นำมาซ่อมบำรุงอย่างแม่นยำด้วยระบบคอมพิวเตอร์อีกด้วย
ที่มา : http://manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9580000079849