“เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?” บริษัทรถไฟฟ้าไต้หวันจ้างดารา AV ญี่ปุ่นเป็นพรีเซนเตอร์

ชาวไต้หวันถกเถียงอย่างดุเดือด หลังจากบริษัทรถไฟฟ้าไทเปว่าจ้างดาราภาพยนตร์วาบหวิวจากญี่ปุ่นเป็นพรีเซนเตอร์ พร้อมวางจำหน่ายบัตรโดยสารพิเศษเป็นภาพดาราสาวผู้อื้อฉาว
 
“ยุอิ ฮาตาโน” หรือที่ชาวไต้หวันรู้จักกันในชื่อ “ปัวตัวเย่เจี๋ยอี” ดาราภาพยนตร์วาบหวิวจากญี่ปุ่น ปรากฏโฉมบนบัตรโดยสารรถไฟฟ้าของนครไทเป หรือ “โยโย การ์ด” ซึ่งเป็นบัตรอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้โดยสารระบบคมนาคมของนครไทเป รวมทั้งใช้ซื้อสินค้าต่างๆได้ด้วย
 
บัตรโดยสารรถไฟฟ้าของไต้หวันที่ใช้ดาราสาวผู้อื้อฉาวเป็นพรีเซนเตอร์นี้ มีรูปภาพพร้อมลายเซ็นของเธอ 2 รูปแบบ คือ “นางฟ้าหรือนางมาร” บัตรคอลเลกชั่นพิเศษนี้มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 1 กันยายน โดยเป็นบัตรชุด 2 ใบราคา 500 ดอลลาห์ไต้หวัน และผลิตจำนวนจำกัดเพียง 15,000 ใบเท่านั้น
 

 
“ยุอิ ฮาตาโน” เป็นดาราวาบหวิวจากญี่ปุ่น ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในไต้หวัน หากแต่การใช้พรีเซนเตอร์ที่มีภาพลักษณ์สีเทาเป็นตัวแทนของบัตรโดยสารที่ชาวไต้หวันแทบทุกคนต้องมีพกติดตัว ทำให้เรื่องนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก
 
ผู้มีชื่อเสียงชาวไต้หวันหลายคน แสดงความเห็นอย่างเผ็ดร้อน เช่น “บริษัทรถไฟฟ้าอับจนถึงขนาดต้องใช้ดาราหนังโป๊มาเป็นพรีเซนเตอร์” หรือบางคนถึงขนาดยุส่งให้จัด “ขบวนรถไฟหื่นกาม”
 
ในทางกลับกัน ชาวไต้หวันอีกส่วนหนึ่งก็ถกเถียงว่า ดารา AV เป็นอาชีพสุจริต และเป็นเพียงมุมหนึ่งของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอยังสามารถทำงานได้หลากหลายอย่าง แล้วเหตุใดจึงเป็นนางแบบบัตรโดยสารรถไฟฟ้าไม่ได้?
 
ประเด็นร้อนแรงนี้ถูกผู้สื่อข่าวนำไปสอบถามกับนายเคอเหวินเจ๋อ นายกเทศมนตรีนครไทเป ซึ่งตอบคำถามเพียงว่า “ได้สั่งการให้บริษัทบัตรรถไฟฟ้าโยโย การ์ด ขยายการเติบโตทางธุรกิจอีก 100% แต่จะใช้วิธีการใดก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหารของทางบริษัทเอง”
 

 
ทางด้านบริษัทบัตรรถไฟฟ้าโยโย การ์ด เปิดเผยถึงสาเหตุที่ตัดสินใจให้ “ยุอิ ฮาตาโน” เป็นพรีเซนเตอร์ว่า จากผลการสำรวจพบว่าจำนวนผู้ใช้บัตรเป็นผู้หญิง 65-75% ขณะที่ผู้ชายใช้บัตรโดยสารอิเลคทรอนิกส์นี้ค่อนข้างน้อย จึงวางกลยุทธ์การตลาดเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าผู้ชาย
 
ผู้แทนของบริษัทบัตรรถไฟฟ้าโยโย การ์ด ยังเรียกร้องให้ชาวไต้หวันอย่าใช้ทัศนคติเชิงลบมาตัดสินพรีเซนเตอร์สาวรายล่าสุด เนื่องจากบัตรคอเลกชั่นนี้เป็นเพียงบัตรพิเศษ ซึ่งเน้นที่กลุ่มผู้ที่ชอบสะสมบัตร นอกจากนี้ยังเป็น “บัตรการกุศล” โดยจะแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายบัตรให้กับองค์กรการกุศล 3 แห่ง นอกจากนี้ในอนาคตทางบริษัทยังมีแผนจะเชิญคนดังในแวดวงต่างๆของไต้หวันมาเป็นพรีเซนเตอร์ด้วยเช่นเดียวกัน