บิ๊กอีเวนต์ “Hey, Siri” ของแอปเปิลไม่พลาด โชว์แอปเปิลวอตช์ (Apple Watch) รุ่นสปอร์ตใหม่ ที่มาในโมเดลโกลด์ (Gold) และโรส โกลด์ (Rose Gold) พร้อมแอปเด่นอย่าง Facebook Messenger และ Airstrip
ถือว่าเป็นการฟังเสียงผู้บริโภคของแอปเปิลอยู่พอสมควรต่อการเปิดตัวในครั้งนี้ เพราะมีเสียงบ่นอย่างมากจากผู้ใช้ไอโฟนรุ่น Gold ที่ต้องการให้นาฬิกาแอปเปิลวอตช์ของตนเองนั้นเข้าคู่กับไอโฟนรุ่น Gold ด้วยจึงมีการเรียกร้องให้พัฒนาแอปเปิลวอตช์ สปอร์ต (รุ่นที่ราคาถูกที่สุด) ให้รองรับฟีเจอร์ Gold นี้ในที่สุด
นาฬิกาคอลเลคชันใหม่กับพาร์ทเนอร์อย่างแอร์เมส / ภาพจากแอปเปิล
แอปเปิลวอตช์ รุ่นที่พัฒนาร่วมกับแอร์เมส / ภาพจากแอปเปิล
ไม่เพียงเท่านั้น แอปเปิลยังได้จับมือกับ แอร์เมส (Hermes) ส่งนาฬิกาคอลเลกชันใหม่ออกมาในครั้งนี้ด้วย โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนตุลาคมนี้ด้วย (เฉพาะในบางสาขาเท่านั้น)
ตั้งค่านาฬิกาได้หลายแบบบนหน้าปัดเดียว / ภาพจากแอปเปิล
การทำงานของแอปจาก Third Party บนระบบปฏิบัติการตัวใหม่
หันมาในเรื่องของระบบปฏิบัติการ Watch OS 2 กันบ้าง แอปเปิลระบุว่า ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่นี้จะอนุญาตให้แอปจากผู้พัฒนารายอื่นสามารถรันบนนาฬิกาได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น แทนที่จะต้องพึ่งพาไอโฟนในการประมวลผลเหมือน Watch OS เวอร์ชันก่อน อีกทั้งยังสามารถใช้งานไมโครโฟน และเซนเซอร์ต่างๆ ของตัวนาฬิกาได้ด้วย ยกตัวอย่างความสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ใน OS รุ่นใหม่เช่น ผู้สวมแอปเปิลวอตช์สามารถสตรีมมิ่งคลิปต่างๆ มารับชมได้บนแอปเปิลวอตช์เลยนั่นเอง
ในส่วนของแอป จุดที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นการสาธิตการทำงานของแอปน้องใหม่อย่าง “Facebook Messenger” ซึ่งถือเป็นแอปตัวแรกของเฟซบุ๊กบนแพลตฟอร์มแอปเปิลวอตช์
โดยการทำงานของ Messenger บนแอปเปิลวอตช์เรียกได้ว่าเก็บมาแทบทุกฟังก์ชัน เช่น สามารถกด Like ได้ ส่งสติกเกอร์ได้ ใช้อีโมติคอนได้ ส่งและรับคลิปเสียงได้ ฯลฯ ซึ่งการโชว์ความสามารถดังกล่าวถือเป็นความน่าตื่นเต้นอย่างมาก เพราะแอปส่งข้อความอย่าง Messenger นั้นมีผู้ใช้งานทั่วโลกมากถึง 700 ล้านคน อีกทั้งยังเป็นแอปส่งข้อความที่ชาวสหรัฐอเมริกาใช้งานสูงที่สุดด้วย นอกจากนั้น การไม่ปรากฏตัวในงานเปิดตัวแอปเปิลวอตช์เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่กลับมาปรากฏตัวในบิ๊กอีเวนต์เดือนกันยายนเช่นนี้ ยิ่งทำให้แอป Messenger ของเฟซบุ๊กชิงความโดดเด่นมาได้มากพอสมควรเลยทีเดียว
รองลงมาเป็นการเปิดตัวแอปด้านสุขภาพในชื่อ “Airstrip” ที่สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงความสามารถในการแยกแยะที่ละเอียดมากขึ้น จนสามารถแยกได้ว่าอัตราการเต้นของหัวใจอันใดเป็นของทารก อันใดเป็นของมารดาเลยทีเดียว
นอกจากสามารถมอนิเตอร์อัตราการเต้นของหัวใจทารก และมารดาได้แล้ว ความสามารถของ AirStrip ยังช่วยให้คุณหมอสามารถมอนิเตอร์สุขภาพของว่าที่คุณแม่ในขณะที่อยู่นอกโรงพยาบาลได้ตลอดเวลา ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนด รวมถึงสามารถแอ็กเซสเข้าตารางนัดหมายของผู้ป่วย และสามารถส่งข้อมูลกันระหว่างเจ้าหน้าที่พยาบาลกับสตาฟได้ด้วย หันมาในเรื่องของระบบปฏิบัติการ Watch OS 2 กันบ้าง แอปเปิลระบุว่า ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่นี้จะอนุญาตให้แอปจากผู้พัฒนารายอื่นสามารถรันบนนาฬิกาได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น แทนที่จะต้องพึ่งพาไอโฟนในการประมวลผลเหมือน Watch OS เวอร์ชันก่อน อีกทั้งยังสามารถใช้งานไมโครโฟน และเซนเซอร์ต่างๆ ของตัวนาฬิกาได้ด้วย ยกตัวอย่างความสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ใน OS รุ่นใหม่เช่น ผู้สวมแอปเปิลวอตช์สามารถสตรีมมิ่งคลิปต่างๆ มารับชมได้บนแอปเปิลวอตช์เลยนั่นเอง
ภาพจากแอปเปิล
ผู้ใช้ไอโฟน 5, 5c, 5s, 6, 6 plus, 6s และ 6s plus เท่านั้นจึงจะรองรับการเชื่อมต่อกับแอปเปิลวอตช์ และหากต้องการใช้ฟีเจอร์ใหม่ทั้งหมดของ Watch OS 2 ผู้ใช้ไอโฟนต้องดาวน์โหลด iOS 9 มาติดตั้งด้วย โดยทั้ง Watch OS 2 และ iOS 9 พร้อมให้อัปเกรดแล้วในวันที่ 16 กันยายนนี้
ที่มา: http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000102465