เสี่ยวหมี่เจอปัญหา คาดปีนี้ขายไม่ได้ตามเป้า 100 ล้านเครื่อง

ซีอีโอเสี่ยวหมี่ มร.Lei Jun / ภาพจาก AP

นักวิเคราะห์คาด “เสี่ยวหมี่” (Xiaomi) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่จากแดนมังกรจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ซีอีโอของบริษัทอย่าง มร.Lei Jun ได้ประกาศไว้เมื่อต้นปีได้อย่างแน่นอนแล้ว โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซีอีโอของเสี่ยวหมี่ได้ประกาศว่า ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าจะขายโทรศัพท์ให้ได้ 100 ล้านเครื่อง ก่อนจะลดตัวเลขลงเหลือ 80 ล้านเครื่องในเดือนมีนาคม
      
โดยตัวเลขยอดขายสมาร์ทโฟนในเดือนกรกฎาคมของเสี่ยวหมี่ได้สะท้อนภาพที่แท้จริงของบริษัทออกมาอย่างน่าตกใจ เมื่อทางบริษัทเปิดเผยว่า เพิ่งขายสมาร์ทโฟนไปได้เพียง 34.7 ล้านเครื่องเท่านั้น และยังเหลืออีกกว่า 45 ล้านเครื่องที่ต้องทำยอดให้ได้ภายในสิ้นปีจึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายของบริษัทได้
      
นอกจากนี้ รายงานจากบริษัทวิจัย Trendforce ได้เผยว่า เสี่ยวหมี่น่าจะสามารถทำยอดขายของปีนี้ได้สูงสุดที่ 70 ล้านเครื่องเท่านั้น และรายงานจากบริษัท Canalys ก็เผยว่า ยอดขายในไตรมาส 3 ของปีนี้เป็นยอดขายที่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาอีกด้วย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่องค์กรต้องเจอปัญหาดังกล่าวเลยทีเดียว
      
มีการวิเคราะห์สาเหตุของการเติบโตที่ลดลงของเสี่ยวหมี่ในครั้งนี้ว่ามาจากภาวะตลาดสมาร์ทโฟนอิ่มตัวในจีน ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อลง อีกทั้งเสี่ยวหมี่ยังไม่มีการขยายตลาดออกไปในระดับกว้างเท่าแบรนด์คู่แข่งจากจีนรายอื่นๆ (เช่น หัวเว่ย) โดยมีการทำตลาดเฉพาะในสาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย บราซิล และประเทศกำลังพัฒนาอีกไม่กี่ประเทศ ส่วนตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกานั้น เสี่ยวหมี่บอกแต่เพียงว่า กำลังเตรียมการอยู่ และต้องใช้เวลาอีกสักระยะจึงจะพร้อมบุกตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งที่ผ่านมา มีเพียงการเปิดตัวสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่นในตลาดสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
      
อีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้เสี่ยวหมี่ไม่อาจก้าวเข้าไปแข่งขันในตลาดสหรัฐอเมริกาได้อาจมาจากเรื่องของลิขสิทธิ์ในด้านการออกแบบที่คล้ายคลึงกับดีไซน์ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล (Apple) ซึ่งครั้งหนึ่ง หัวหน้าฝ่ายดีไซน์ของแอปเปิลอย่าง Jony Ive เคยเรียกผลงานของเสี่ยวหมี่ว่า “Theft” หรือก็คือ การบอกว่าเสี่ยวหมี่ขโมยผลงานออกสื่อกันมาแล้ว
      
หากย้อนมองผลงานของเสี่ยวหมี่ในปีที่ผ่านมา กลับพบว่า เสี่ยวหมี่สามารถทำยอดขายสมาร์ทโฟนได้ 60 ล้านเครื่อง ซึ่งสมาร์ทโฟนของเสี่ยวหมี่เป็นสมาร์ทโฟนที่มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่เครื่องละ 100-300 เหรียญสหรัฐเท่านั้น ในขณะที่ไอโฟนที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงในหลายๆ ด้านกับเสี่ยวหมี่กลับมีราคาขายอยู่ที่เครื่องละ 650-1,000 เหรียญสหรัฐ
      
ตรงกันข้ามกับหัวเว่ย แบรนด์คู่แข่งจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ในปัจจุบันได้รับการยอมรับมากขึ้นในตลาดโลก ทั้งจากการจับมือกับกูเกิล (Google) จนได้เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Nexus รุ่นเรือธงเวอร์ชันล่าสุด ที่ทำให้หัวเว่ยรุกคืบเข้าตลาดสหรัฐอเมริกาได้อย่างสวยงาม หรือการได้รับการยอมรับในเชิงบวกจากสหภาพยุโรป เหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณบวกที่ไม่เกิดขึ้นกับทางฝั่งของเสี่ยวหมี่ในช่วงปีที่ผ่านมาแต่อย่างใด 

ที่มา : http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000120608