IDC คาดการณ์ 10 แนวโน้มสำคัญของภาคธุรกิจและเทคโนโลยีในไทยปี 59

IDC ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยข้อมูลการตลาดได้เปิดเผยการคาดการณ์ 10 แนวโน้มสำคัญของภาคธุรกิจและภาคเทคโนโลยีของประเทศไทยในปี 2559 โดยไฮไลต์ว่าการทำดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชันนั้นจะช่วยให้องค์กรในประเทศไทยประสบความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 และ เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่องค์กรต้องทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อรักษาความเป็นผู้นำเอาไว้
 

 
เทคโนโลยีแพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 นั้นประกอบด้วย 4 เสาหลัก ได้แก่ Cloud, Mobility, Big data/Analytics และ Social Business ตลอดจนตัวเร่งนวัตกรรม 6 อย่าง ได้แก่ Internet of Thing, ระบบ Cognitive, เทคโนโลยีหุ่นยนต์, การพิมพ์ 3 มิติ, เวอร์ชวล หรือออกเม้นต์เรียลลิตี้ และระบบ Next Gen Security
 

 
ภาพรวมของอุตสาหกรรมไอที มีการคาดการณ์เม็ดเงินในการใช้จ่ายในปี 2015 อยู่ที่ 372,400 ล้านบาท เติบโต 2% ซึ่งต่ำกว่า GDP ที่อยู่ที่ 29% และคาดการณ์ถึงปี 2016 มีเม็ดเงิน 383,700 ล้านบาท เติบโต 3%
 

 
ถ้าแยกตามอุตสาหกรรม กลุ่ม Consumer ยังเป็นกลุ่มใหญ่ด้วยปัจจัยของสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ทำให้มีมูลค่า 180,869 ล้านบาท รองลงมาเป็นกลุ่มสื่อสาร เพราะการลงทุนด้าน 3G และ 4G ทำให้มีมูลค่า 56,348 ล้านบาท
 

 
ไมเคิล อาราเน็ตตา ผู้จัดการประจำไอดีซีประเทศไทย กล่าวว่า “ในปี 2559 นี้ การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไอซีทีของไทยจะช่วยส่งเสริมแผนแม่บทเศรษฐกิจดิจิตอลของประเทศได้ โดยในปัจจุบันเราได้พบเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายในยุคแห่งการทำทรานส์ฟอร์เมชัน ที่บริษัทต่าง ๆ จะเพิ่มความพยายามในการทำดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน และจะลงทุนในเทคโนโลยีแพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ในภาวะที่สภาพการแข่งขันเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้     องค์กรที่ปรับตัวไม่ทันอาจจะสูญเสียความเป็นผู้นำในตลาด    ดังนั้นซีไอโอจะต้องปรับเปลี่ยนแผนกไอทีให้กลายเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างแท้จริง” 
 
สำหรับในปี 2559 IDC มีการคาดการณ์ 10 แนวโน้มสำคัญที่จะกำหนดการก้าวเข้าสู่ยุค Digital Transformation ของประเทศไทย สำหรับทั้งผู้ใช้เทคโนโลยี และ ซัพพลายเออร์ด้านไอซีที
 

 
1. Digital Transformation
 

 
ภายในสิ้นปี 2560 กว่า 50% ขององค์กรในประเทศไทยจะเริ่มกระบวนการดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน จะเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันการลงทุนทางไอทีขององค์กรในปี 2559 เป็นต้นไป โดยดิจิตอลทรานส์ฟอร์มเมชันนั้นเป็นการนำเทคโนโลยีแพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 นำมาพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภค และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น IDC เชื่อว่ากลยุทธ์ทรานส์ฟอร์เมชันจะมุ่งเน้นไปที่ความชำนาญด้านดิจิตอลทั้งในเรื่องของความสัมพันธ์ การปฏิบัติงาน และสินค้าหรือบริการที่มีฐานมาจากข้อมูล
 
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการที่ร้านค้า โรงแรม หรืออุตสาหกรรมบริการบางประเภทใช้การผสมผสานกันของเทคโนโลยี Mobility, Big Data และ Cloud เพื่อเป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจที่ดีที่สุดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งนี้ในอีก 2 ปีข้างหน้า องค์กรจำนวนมากจะมีการทำดิจิตอลทรานส์ฟอร์มเมชันในระดับที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งจะสร้างผลกระทบอย่างมากมายให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป
 
2. Cloud Core
 

 
คลาวด์จะกลายเป็นการลงทุนพื้นฐานทางด้านไอที ภายในปี 2561 การลงทุนด้านคลาวด์จะมีสัดส่วนเป็นอย่างน้อย 1 ใน 4 ของค่าใช้จ่ายด้านไอทีทั้งหมด และภายในปี 2563 30% ของการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับคลาวด์ ในขณะที่สัดส่วนของคลาวด์จะสูงถึง 30-35% ของค่าใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์ เซอร์วิส และเทคโนโลยีทั้งหมด
 
ภายในปี 2563 การใช้จ่ายขององค์กรสำหรับบริการผ่านคลาวด์ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อซัพพอร์ทบริการผ่านคลาวด์ และการบริการเพื่อใช้งานและจัดการบริการผ่านคลาวด์จะมีมูลค่าสูงกว่า 350 ล้านดอลลาห์สหรัฐซึ่งถือเป็นการเติบโตขึ้น 100% จากปัจจุบัน ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ที่เวนเดอร์ผลิตก็จะเป็นแบบ “คลาวด์เฟิร์ส” เช่นกัน การเปลี่ยนแปลงของบริการผ่านคลาวด์จากความเป็นสถาปัตยกรรม “ใหม่” ไปสู่ความเป็นเทคโนโลยีขั้นพื้นฐานนั้นจะมีนัยสำคัญสำหรับผู้นำด้านไอทีและธุรกิจ
 
3. Disruptive Business Model
 

 
รูปแบบธุรกิจแบบใหม่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งภายในปี 2560 กว่า 20% ขององค์กรขนาดใหญ่จะได้รับผลกระทบจากนวัตกรรมทางโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่นี้ และจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงานอย่างแน่นอน
 
ในอดีตนั้นผลกระทบต่างๆ มักเกิดจากนวัตกรรมทางสินค้าและบริการ แต่อินเทอร์เน็ตและองค์ประกอบของแพลตฟอร์มรุ่นที่  3 นั้น จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างรูปแบบการนำเสนอสินค้าและบริการที่แตกต่างไปจากเดิมได้ ในไม่ช้าธุรกิจแบบเดิมจะได้รับผลกระทบจากธุรกิจแบบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกิดจากการนำทรัพยากรที่ไม่ได้รับการใช้งานเต็มที่ต่าง ๆ มารวมเข้าไว้ด้วยกัน จนก่อให้เกิดสินค้า บริการ และตลาดใหม่ที่ตัวเองเป็นเจ้าของผู้เดียวได้
 
Uber และ Airbnb เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของธุรกิจแบบใหม่ที่มีการขยายฐานลูกค้า และ ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว และกำลังสร้างผลกระทบต่อธุรกิจรูปแบบเดิม ไอดีซีคาดว่าจะพบเห็นธุรกิจใหม่ในลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้น และธุรกิจรูปแบบเดิมต้องปรับตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
 
4. The Next 25 Million
 

 
ผู้ใช้สมาร์ทโฟนจะเพิ่มขึ้นอีก 25 ล้านคน ภายในปี 2561 ประเทศไทยจะมีผู้เข้าถึงอินเตอร์เน็ตด้วยสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์แรกเป็นจำนวน 50 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 73% ของประชากรทั้งหมด
 
การที่มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตกว่า 50 ล้านคนนั้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นวงกว้างต่อองค์กรต่างๆ IDC คาดว่าจะพบเห็นการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทางธุรกิจภายในองค์กร เช่น กลยุทธ์และการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับสมาร์ทโฟน นอกจากนี้องค์กรต่างๆ ต้องสร้างวิธีใหม่ๆ ในการนำเสนอสินค้าและบริการโดยผ่านแนวคิดแบบโมบายล์เฟิร์ส การปรับให้เหมาะสมกับตลาดท้องถิ่น และการนำเครือข่ายสังคมออนไลน์มาใช้เป็นมิติใหม่ในการมีส่วนร่วมของลูกค้า การเปลี่ยนแปลงนี้ยังผลักดันให้เกิดการใช้ระบบคอกนิทีฟในการวิเคราะห์ การรองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ และประสิทธิภาพของบิ้กดาต้าอย่างมาก เนื่องจากข้อมูลทั้งที่มีอยู่ และที่เกิดขึ้นใหม่นั้นจะถูกจัดเก็บในรูปแบบดิจิตอลซึ่งพร้อมใช้งานได้ทันทีเพื่อตอบสนองผู้ใช้ 50 ล้านราย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
5. Payment
 

 
รูปแบบใหม่ของการชำระเงิน ภายในปี 2560 ผู้นำในภาคอุตสาหกรรมค้าปลีก 10 อันดับแรก จะมีการใช้การตรวจสอบหลายขั้นตอนสำหรับการชำระเงินในร้าน โดยระบบ Near Field Communication (NFC) สแกนนิ้วมือ และไร้สัมผัสจะมีบทบาทที่สำคัญ
 
ภายในตุลาคม 2561 นโยบาย “การปรับภาระความรับผิดชอบ” จะมีผลบังคับใช้ในประเทศไทย และทำให้ร้านค้าทั่วประเทศต้องระวางโทษต่อการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิตในร้าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าการละเมิดความปลอดภัยนั้น ส่งผลกระทบต่อลูกค้านับล้านรายและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งร้านค้าปลีกในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นขนาดใดต่างก็มีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
 

 
ในปี 2560 ร้านค้าปลีกรายใหญ่ต่าง ๆ จะนำระบบชำระเงินในบริเวณใกล้เคียงมาใช้โดยเฉพาะระบบที่ใช้ NFC ระบบดังกล่าวนี้จะช่วยผลักดันความสะดวกให้แก่การตรวจสอบหลายขั้นตอนอย่างมีนัยสำคัญ
 
6. Smart Multi Function Printers
 

 
ภายในปี 2561 เครื่องพิมพ์ประเภทสมาร์ทมัลติฟังก์ชัน (Multifunction Printers – MFPs) จะกลายเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ตอบโจทย์โซลูชันการพิมพ์จำนวนมากที่ใช้ในออฟฟิศขนาดใหญ่
 
ไม่นานมานี้ องค์กรต่างๆ เริ่มนำเอารูปแบบความสามารถขั้นสูงเข้าไปใช้กับกลุ่มเครื่องพิมพ์ประเภทมัลติฟังก์ชันผ่านสถาปัตยกรรมโครงสร้างของอุปกรณ์ ซึ่งเริ่มต้นจากความสามารถในการสแกนแบบพื้นฐาน และ/หรือสามารถรองรับการจัดการด้านเอกสารทั่วไป อย่างไรก็ตาม IDC คาดว่าโซลูชันดังกล่าวจะได้รับการใช้งานแพร่หลายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเปลี่ยนอุปกรณ์สำหรับพิมพ์หรือทำสำเนามาเป็นอุปกรณ์สำหรับดำเนินงานแบบอัจฉริยะของเครื่องพิมพ์ประเภทมัลติฟังก์ชัน จะเด่นชัดมากขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า เมื่อองค์กรต่างๆ เริ่มคำนึงถึงขอบเขตความสามารถที่กว้างขึ้นของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้
 
7. Customer/ Intimacy at Scale
 

 
การเข้าถึงและเข้าใจผู้บริโภคที่มากขึ้นในวงกว้าง ในปี 2560 บริษัทไทยจะใช้บิ้กดาต้าเพื่อเข้าถึงและเข้าใจผู้บริโภคที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
 

 
จากการใช้งาน Mobility,ออมนิแชนแนล และโซเชียลมีเดีย องค์กรในไทยนั้นประสบความสำเร็จในการสร้างฐานลูกค้าใหม่มากขึ้น ผ่านการสร้างความผูกพันทางดิจิตอลกับลูกค้า ช่องทางเหล่านี้นั้นมีข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งพร้อมสำหรับการวิเคราะห์เนื่องจากโครงสร้างและเครื่องมือที่หาได้ง่ายและมีราคาถูกกว่าเมื่อก่อน หากแต่ว่าช่องทางเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ  เพราะขาดวิสัยทัศน์ และความรู้ความชำนาญด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล ในเรื่องวิทยาศาสตร์ข้อมูลนี้ องค์กร และสถาบันการศึกษาได้รับรู้ถึงการขาดแคลนความชำนาญดังกล่าว และ เริ่มสร้างความเชี่ยวชาญที่จำเป็นออกสู่ตลาด ในขณะเดียวกันมีเพียงไม่กี่องค์กรเท่านั้นที่เพิ่งจะเริ่มดำเนินกลยุทธ์บิ้กดาต้า
 
8. Realign Suppliers and Partners
 

 
เป็นการเปลี่ยนสถานะของซัพพลายเออร์และพาร์ทเนอร์ ในปี 2563 กว่า 30% ของเวนเดอร์จะเปลี่ยนไปจากที่เรารู้จักในปัจจุบัน
 
ดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชันที่กำลังเกิดขึ้นจะสร้างผลกระทบและแนวโน้มใหม่ๆ ตลอดจน ผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้นในตลาด ทำให้เกิดแรงกดดันอย่างมากต่อซัพพลายเออร์ไอทีแบบดั้งเดิมและผลักดันให้ผู้เล่นรายใหม่กลายเป็นผู้นำในตลาด ในช่วงหลายปีข้างหน้านั้นเราจะพบเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในกลุ่มเวนเดอร์ โดยหนึ่งในสามของซัพพลายเออร์ชั้นนำในปัจจุบันจะมีการควบรวมกิจการ ลดขนาด หรือเปลี่ยนสถานะอย่างมีนัยสำคัญ ยกตัวอย่างดังนี้ จะมีผู้ให้บริการผ่านคลาวด์อยู่เพียงไม่กี่รายซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 75-80%, กลุ่มเทคโนโลยีไอโอทีจะมีการควบรวมกิจการ และบริษัทสตาร์ทอัพจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นอีกมาก
 
9. Security and Risk Management
 

 
เน็กซ์เจนเนอเรชันซีเคียวริตี้และการจัดการความเสี่ยง ภายในปี 2560 กว่า 30% ของฝ่ายไอที่ในองค์กรจะเปลี่ยนความสนใจจากการวางแนวกันด้านความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโจมตีระบบ มาเป็นการมุ่งเน้นการ “จำกัดและควบคุม” ความเสียหายแทน
 

 
เมื่อองค์กรเริ่มกระบวนการทำดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน ย่อมมีการใช้งานเทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่ 3 อย่างเข้มข้นขึ้น ซึ่งถึงแม้เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะสามารถสร้างประโยชน์อย่างมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความเสี่ยงขึ้นด้วย เนื่องจากทำให้ “พื้นที่” ที่สามารถถูกโจมตีได้ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งภัยคุกคามเองก็อันตรายขึ้นเรื่อย ๆ 
 
10.  Insurance Leads in Internet of Thing
 

 
กลุ่มธุรกิจประกันภัยจะเป็นผู้นำด้านไอโอที ภายในปี 2560 การเพิ่มขึ้นของงบประมาณด้านไอที และ จำนวนนวัตกรรมในกลุ่มธุรกิจประกันภัยจะสูงกว่ากลุ่มธุรกิจธนาคาร เนื่องมาจากโครงการไอโอทีในกลุ่มธุรกิจประกันภัยนั้นจะได้การลัดขั้นตอน
 
เราจะพบกรณีตัวอย่างการใช้งาน IoT ในกลุ่มธุรกิจประกันภัยรถยนต์เป็นครั้งแรก IDC คาดว่าโซลูชันสำหรับรถยนต์นั้น จะเติบโตอย่างมากในอีก 5 ปีถัดไป ซึ่งจะก่อให้เกิดสินค้าประกันภัยจากเทคโนโลยีเทเลมาติกส์ โปรเจคนำร่องที่ประสบความสำเร็จโดยบริษัทประกันภัยในระดับภูมิภาคจะส่งผลให้เกิดการนำเทคโนโลยีนั้นมาใช้อย่างแพร่หลาย กรณีตัวอย่างอื่นๆ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีไอโอทีเพื่อเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและเชื่อมโยงกับเบี้ยประกันสุขภาพ และ การใช้เซ็นเซอร์ในการประกันอัคคีภัยและการขนส่งสินค้า
 

 
นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ช่วยส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวอีกด้วย การใช้งานคลาวด์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในสำนักงาน และ บริการการจัดการนั้นช่วยผลักดันกลุ่มธุรกิจประกันภัยเข้าสู่แพลทฟอร์มที่ 3 ภายในปี 2559 นี้ IDC คาดว่าจะมีการอัพเกรดระบบหลักของภาคอุตสาหกรรมสามครั้ง ซึ่งจะผลักดันการใช้จ่ายด้านไอทีของกลุ่มอุตสาหกรรมให้เติบโตถึง 10% ในขณะที่กลุ่มธุรกิจการธนาคารจะเติบโตเพียง 6%