7 เทรนด์อุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่ที่ต้องจับตาใน 5 ปีนี้

หากคิดว่าเทรนด์เทคโนโลยีสวมใส่ กลุ่ม Wearable Device เป็นเพียงแฟชั่นที่ผ่านมาแล้วจะผ่านไป ลองคิดใหม่อีกครั้ง!
 
ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีแห่งอุปกรณ์ไอทีประเภทสวมใส่อย่างแท้จริง ยอดขายอุปกรณ์กลุ่ม Wearable เพิ่มขึ้นจาก 35.5 ล้านเหรียญในปี 2014 เป็น 85 ล้านเหรียญในปี 2015 เพิ่มขึ้นถึง139% หากเทียบกันแบบปีต่อปี
 
การเติบโตของอุปกรณ์ไอทีสวมใส่นั้น เกิดจากอุปกรณ์เก็บข้อมูลการออกกำลังกายโดย Fitbit และ Apple Watch เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่แม้ว่านาฬิกาอัจฉริยะและอุปกรณ์เก็บข้อมูลการออกกำลังกายจะครองตลาด Wearable ไว้เป็นส่วนใหญ่ แต่ยังมีเทรนด์อีกมากมายที่ช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ก้าวสู่อนาคตอย่างสดใส
 
เมื่อไม่นานมานี้ Tractica เพิ่งเปิดเผยข้อมูลล่าสุด ระบุทิศทางธุรกิจอุปกรณ์ไอทีกลุ่ม Wearable ว่าจะมุ่งไปทางใดในอนาคตช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ และนี่คือเทรนด์และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในตลาด Wearable
 
1. อันดับแรกต้องทำความเข้าใจก่อนเลยว่า นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของเทคโนโลยีแบบสวมใส่เท่านั้น คาดการณ์กันว่ามูลค่าการซื้อขายสินค้ากลุ่ม Wearable จะเติบโตในอัตราก้าวกระโดดจาก 85 ล้านเหรียญในปีที่แล้ว เป็น 560 ล้านเหรียญ ในปี 2021 คิดเป็นอัตราเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 37% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า และรายได้ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน Tractica คาดว่ารายได้จากอุปกรณ์ไอทีสวมใส่โดยรวมจะเพิ่มจาก 1.23 หมื่นล้านเหรียญในปี 2015 เป็น 9.53 หมื่นล้านเหรียญในปี 2021
 
2. Apple Watch จะเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ของอุตสาหกรรมโดยรวมในช่วง 2-3 ปีที่จะถึงนี้ โดยนาฬิกาอัจฉริยะของ Apple เป็นสินค้าหลักในการทำรายได้ของอุตสาหกรรมนี้ในปีที่ผ่านมา โดยทำรายได้ประมาณ 5.5 พันล้านเหรียญและตัวเลขยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามข้อมูลของ Tractica ในอีก 12-18 เดือนข้างหน้านี้ Apple จะกลายเป็นผู้ผลิตนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากอีกหลายแหล่งที่ว่า Apple Watch ได้รับความนิยมมากกว่านาฬิกาแบรนด์ดังจากสวิสทั้งหลายเสียอีก
 
3. อุปกรณ์ไอทีสวมใส่จะมุ่งประโยชน์ด้านการดูแลสุขภาพเป็นหลัก Aditya Kaul ผู้อำนวยการด้านการวิจัยของ Tractica กล่าวว่า แม้ขณะนี้ประโยชน์ของอุปกรณ์ไอทีสวมใส่จะเน้นด้านการกีฬาและการออกกำลังเป็นหลัก แต่การดูแลสุขภาพจะกลายเป็นเป้าหมายการใช้งานอุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้ในอนาคตอันใกล้ “เทคโนโลยีเซนเซอร์ที่ก้าวล้ำฮาร์ดแวร์ที่เล็กลง และอัลกอริธึมของปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดมากยิ่งขึ้น จะช่วยให้อุปกรณ์ไอทีสวมใส่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหอกในการต่อสู้กับโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง โดยนาฬิกาอัจฉริยะจะช่วยเตือน ก่อนที่จะเกิดอาการเส้นเลือดแตก หรือ หัวใจวาย ให้กับผู้ใส่ได้ เมื่อถึงตอนนั้นอุปกรณ์ Wearable จะถูกนำมาใช้งานอย่างจริงจัง” Kaul กล่าว
 
4. กระแสเสื้อผ้าอัจฉริยะเริ่มต้นขึ้นแล้วเช่นกัน และจะเติบโตอย่างมาก ปัจจุบัน แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาอย่าง Under Armour และอีกหลายๆ แบรนด์เริ่มออกสินค้ารองเท้ากีฬาอัจฉริยะที่สามารถเก็บข้อมูลการวิ่ง ระยะทาง และการออกกำลังแบบอื่นๆ กันมาแล้ว แม้จำนวนสินค้าที่ผลิตยังคงต่ำกว่า 1 ล้านชิ้นในปีที่ผ่านมา แต่ในปี 2021 คาดว่าจำนวนสินค้าจะเพิ่มสูงเป็น 24.7 ล้านชิ้น โดยสินค้าส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในกลุ่มรองเท้า
 
5. ปัจจุบัน สินค้ากลุ่ม Wearable ต่างก็ใส่เทคโนโลยีเซนเซอร์ต่างๆ มาหลากหลายที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเครื่องเดียว แต่อุปกรณ์ไอทีสวมใส่ในอนาคต จะโฟกัสที่การทำงานเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยให้นาฬิกาสมาร์ทวอชเป็นศูนย์กลางในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ Kaul กล่าวว่า เราจะ “ได้เห็นเครือข่ายการเก็บข้อมูลร่างกายมนุษย์เกิดขึ้น ซึ่งอาจถูกเรียกว่า ‘อินเทอร์เน็ตแห่งร่างกาย’ หรือ IoB บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอย่าง Apple, Google และ Samsung จะเป็นแนวหน้าในการสร้างสรรค์แพล็ตฟอร์มดังกล่าวส่วนสำคัญของนวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นอยู่ที่การผสานการทำงานของเซนเซอร์ต่างๆ ลงในเสื้อผ้า รองเท้า นาฬิกา และเครื่องประดับอื่นๆ อย่างสอดคล้องไม่มีสะดุด”
 
6. Fitbit ถือเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์ไอทีสวมใส่สำหรับเก็บข้อมูลการออกกำลังกาย แต่จุดยืนของแบรนด์อาจเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขณะนี้ส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์อยู่ที่ 43% ขณะที่แบรนด์คู่แข่งจากจีนอย่าง Xiaomi มีสัดส่วนที่ 24% แต่อีกไม่กี่ปีข้าวหน้านี้ คาดการณ์ว่า Xiaomi จะเข้ามายึดครองส่วนแบ่งตลาดและขึ้นมาเป็นผู้นำแทน Fitbit แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นข่าวร้ายของ Fitbit เสียทั้งหมด เพราะอุปกรณ์เก็บข้อมูลการอออกกำลังแบบสวมใส่นั้นคาดว่าจะเติบโตในอัตรา CAGR ที่ 25% ต่อปี และจำนวนสินค้าในกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 187 ล้านชิ้นในปี 2021 
 
7. ขณะที่เทคโนโลยีภาพเสมือนแบบ Virtual Reality กลายเป็นสิ่งที่บริษัทไอทีทั้งหลายมุ่งเป้า รวมถึงแว่นตาโฮโลแกรม “การใช้เทคโนโลยี VR น่าจะเน้นที่เกมและความบันเทิงเป็นหลัก แต่เราน่าจะได้เห็นการคำนวนคอมพิวเตอร์ระดับองค์กรที่นำนวัตกรรมแว่นโฮโลกราฟฟิคที่ผสานโลกเสมือนและโลกความจริงแบบ Mixed Reality อย่างHoloLens, Meta หรือ Magic Leap เข้ามาใช้งาน อุปกรณ์ไอทีสวมใส่จะช่วยให้เราได้รู้จักกับร่างกายของเรามากขึ้น คล้ายกับการมองกลับเข้าไปภายในตัวเรา แต่ขณะเดียวกันแว่นโฮโลกราฟฟิคล้ำๆ ก็จะช่วยให้เราสำรวจและอินเทอร์แอ็คกับโลกภายนอกและจักรวาลได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน” Kual กล่าว
 
จะเห็นได้ชัดจากรายงานการคาดการณ์ของ Tractica ฉบับนี้ว่า อุตสาหกรรมอุปกรณ์ไอทีสวมใส่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และจะกลายเป็นเทรนด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในอีกไม่กี่ปีข้าวหน้านี้อย่างแน่นอน