เมื่อ ปตท. ต้องมาขายก๋วยเตี๋ยวเรือ

นอกจากธุรกิจค้าปลีกของ “ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก” หรือ PTTRM กับการบริหารร้านสะดวกซื้อแบรนด์ “จิฟฟี่” ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการต่อยอดแบรนด์จิฟฟี่ด้วยการผุดโมเดลใหม่ๆ มากมาย เพื่อเป็นการประกาศตัวในการรุกตลาดค้าปลีกอย่างเต็มรูปแบบ ทั้ง “จิฟฟี่ ซูเปอร์เฟรชมาร์เก็ต” “จิฟฟี่ พลัส ซูเปอร์มาร์เก็ต” “JOY Café Convenience” และ CLICK2JOY ช้อปปิ้งออนไลน์

แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจ “อาหาร” มีการเติบโตสูงมากขึ้น ในปี 2558 มีการคาดการณ์ตลาดธุรกิจอาหารจะมีมูลค่า 375,000 – 385,000 ล้านบาท เติบโต 4-6.8% จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลหลักที่ทำให้ “ปตท.ค้าปลีก” มองเห็นโอกาสทางธุรกิจแล้วลงมาบุกตลาดธุรกิจอาหาร ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะสร้าง “กำไร” ให้บริษัทได้ หลังจากที่ในปีที่แล้วได้ปลุกปั้นแบรนด์ชานมไข่มุก “Pearly Tea” มาแล้วจนได้ขยายแฟรนไชส์เป็นผลสำเร็จ ปัจจุบันมีทั้งหมด 200 สาขา เป็นที่ ปตท.ค้าปลีกบริหารเอง 160 สาขา และแฟรนไชส์ 40 สาขา

ในปีนี้จึงได้เปิดตัว “ก๋วยเตี๋ยวเรือ ใจดี” ลุยโมเดลร้านอาหารอย่างเต็มตัว ปัจจุบันได้เปิดไปแล้ว 2 สาขา ปั๊ม ปตท.จิฟฟี่ ปทุมธานี ลำลูกกา 4 (จรมา) และวงแหวนตะวันตก สามโคก (ขาออก) เตรียมขยายอีก 10 สาขาในปีหน้า โดยที่ใช้งบลงทุนสาขาละ 1.5 ล้านบาท หลังจากนั้นจะเริ่มทำการขยายแฟรนไชส์ต่อไป

ที่จริงแล้ว ปตท.ค้าปลีกได้ศึกษาโมเดลนี้มาจากความสำเร็จของ “คาเฟ่ อเมซอน” ที่เป็นธุรกิจของทาง ปตท. บริษัทแม่เป็นผู้พัฒนาขึ้นมา โดยเริ่มต้นจากขยายสาขาไปตามปั๊มน้ำมัน หลังจากนั้นค่อยขยายแฟรนไชส์ต่อไป ซึ่งการขายแฟรนไชส์เป็นเป้าหมายของผู้ประกอบการค้าปลีกทั้งในการหารายได้ โดยที่ไม่ต้องลงทุนเรื่องบุคลากรเอง

จักรกฤช จารุจินดา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด เล่าให้ฟังว่า “เราต้องการทำสถานีบริการน้ำมันของเราให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน เป็นบ้านหลังที่สองของเขา มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งร้านสะดวกซื้อ ห้องน้ำ จากที่เรามีร้านคาเฟ่อเมซอน และมีร้านที่เป็นพันธมิตรเรา ก็มองเห็นพฤติกรรมผู้บริโภคสมัยนี้เขาเข้าปั๊มน้ำมันจะดื่มกาแฟ 80% ที่เหลือจะกินอย่างอื่น เราเลยต้องเอาชานมไข่มุกเข้ามาเพื่อตอบรับกับคนที่ดื่มชา หรือน้ำเพื่อสุขภาพ และล่าสุดเพิ่มก๋วยเตี๋ยวเรือก็เพื่อตอบรับกับผู้บริโภคยุคนี้ที่ต้องการอาหารปรุงสุกที่มีความรวดเร็ว”

ส่วนสาเหตุที่เลือกเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือ จักรกฤช เสริมต่อว่า หลักในการเลือกร้าน หรืออาหารอะไร จะคัดเลือกก่อนว่าจะไม่ซ้ำกับร้าน หรือพันธมิตรภายในปั๊มของ ปตท. และก๋วยเตี๋ยวเรือเป็นอาหารที่คู่กับคนไทยมานาน และรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย พร้อมสร้างแบรนด์ “ใจดี” ขึ้นมา เพื่อจะต่อยอดเป็นอาหารของกินประเภทอื่นในอนาคตด้วย อย่างเช่น แค๊ปหมู หนังปลากรอบ

การขยายธุรกิจอาหารมากขึ้น เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญในการผลักดันในส่วนธุรกิจนอนออยล์ของ ปตท.ค้าปลีก ซึ่งในปีนี้จะมีรายได้ของน้ำมัน กับนอนออยล์ในสัดส่วน 50 : 50 ซึ่งนอนออยล์จะมีรายได้ 6,000 ล้านบาท ตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี และเพิ่มสัดส่วนของนอนออยล์เป็น 70%