ค้าปลีกร้อนระอุ! สั่นสะเทือนมาถึงธุรกิจพลังงาน เมื่อปตท. รุกหนักธุรกิจนอนออยล์ ทั้งค้าปลีก และธุรกิจอาหาร เพื่อเสริมทัพให้ปั๊มน้ำมัน เป็นมากกว่าสถานที่เติมน้ำมัน
เป็นระยะเวลา 8 ปีแล้ว ที่ “ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก” (PTTRM) ได้แจ้งเกิด หลังจากที่บริษัทแม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อกิจการสถานีบริการน้ำมัน “เจ็ท” และร้านสะดวกซื้อ “จิฟฟี่” ในประเทศไทยเมื่อปี 2550 ซึ่งเดิมเป็นของบริษัท ConocoPhillips ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อปั๊มน้ำมันเจ็ทเป็นปตท.ทั้งหมด พร้อมกับบริหารคู่กับร้านจิฟฟี่
ปตท.ค้าปลีก จะบริหารแยกออกจากบริษัทแม่ เน้นบริหารในส่วนของธุรกิจนอนออยล์ ที่มีกลุ่มธุรกิจภายในเครือทั้ง ค้าปลีก, อาหาร และเฮาส์แบรนด์ ในส่วนของค้าปลีกที่ผ่านมามีการต่อยอดแบรนด์จิฟฟี่ด้วยผุดโมเดลใหม่ๆ มากมาย เพื่อเป็นการประกาศตัวในการรุกตลาดค้าปลีกอย่างเต็มรูปแบบ ทั้ง “จิฟฟี่ ซูเปอร์เฟรชมาร์เก็ต” “จิฟฟี่ พลัส ซูเปอร์มาร์เก็ต” “JOY Café Convenience” และ CLICK2JOY ช้อปปิ้งออนไลน์
แต่เมื่อในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจ “อาหาร” มีการเติบโตสูงมากขึ้น ในปี 2558 มีการคาดการณ์ตลาดธุรกิจอาหารจะมีมูลค่า 375,000 – 385,000 ล้านบาท เติบโต 4-6.8% ปตท.ค้าปลีกจึงโอกาสทางธุรกิจแล้วลงมาบุกตลาดธุรกิจอาหาร ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะสร้าง “กำไร” ให้บริษัทได้ ในปีที่แล้วได้ปลุกปั้นแบรนด์ชานมไข่มุก “Pearly Tea” มาแล้วจนได้ขยายแฟรนไชส์ จนมาถึงล่าสุดที่เปิดตัว “ก๋วยเตี๊ยวเรือ ใจดี”
นอกจากนั้นยังมีแบรนด์ Jiffy Choice ที่เป็นอาหารประเภทหมูปิ้ง คอร์นด็อก ที่จำหน่ายบริเวณหน้าจิฟฟี่ด้วย ซึ่งปตท.ค้าปลีกเล็งธุรกิจ “เบเกอรี่” เพื่อมาเสริมทัพในอนาคต หรือเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพ เพราะเทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง
จักรกฤช จารุจินดา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด กล่าวว่า “ตอนนี้ธุรกิจน้ำมันมีความผันผวนไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลก และมีกำไรที่ไม่แน่นอนด้วย แต่นอนออยล์มันเข้ามาเสริมไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค และสามารถสร้างกำไรได้ 30-50%”
“ตอนนี้มองธุรกิจเบเกอรี่อยู่ เป็นของกินที่มกล้ตัวผู้บริโภคเพราะหาทานง่าย มีแผนที่จะตั้งโรงงานผลิต นอกจากที่จะวางขายในจิฟฟี่ ยังจะทำป้อนส่งให้คาเฟ่ อเมซอนด้วย หรือาจจะมีช้อปขายเบเกอรี่ในปั๊มปตท.เลยก็ได้ มีมองหลายๆ โมเดล มองว่ามันทำไม่ยาก แค่ทำอย่างไรให้โดนใจผู้บริโภคเท่านั้นเอง และสำคัญที่เรื่องโลจิสติกส์ อาจะจได้เห็นเป็นรูปเป็นร่างในปีหน้า”
สาขาใหม่ ต้องไซส์ใหญ่เท่านั้น
ปัจจุบันปั๊มปตท.ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของปตท.ค้าปลีกมีทั้งหมด 150 สาขา มีทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลต่างจังหวัด ที่เป็นถนนสายหลัก การวางจุดยืนของปตท.ค้าปลีกจึงเน้นความเป็น “จุดพักรถ” ให้เป็นมากกว่าสถานีเติมน้ำมัน
ในปีหน้าได้ปีแผนขยายสาขาอีก 10 สาขา ต่อไปจะเป็นการขยายในพื้นที่ไซส์ใหญ่เท่านั้น เพื่อให้ได้พื้นที่ค้าปลีก และร้านอาหารมากขึ้น พื้นที่จะมีตั้งแต่ 7- 14 ไร่ ขึ้นไป จากที่แต่เดิมใช้พื้นที่ 5 ไร่ก็เพียงพอแล้ว
โดยที่จะมีการปรับโฉมร้านจิฟฟี่ และขยายสาขาเดิมที่มีอยู่เพื่อให้ทันสมัยมากขึ้น ในปี 2558 มีการปรับโฉมไปแล้ว 40 สาขา ในปีหน้าจะปรับอีก 60 สาขา ภายใน 3 ปีจะทำการปรับโฉมให้ครบทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นการปรับดีไซน์ สีสรร และสินค้าภายในจิฟฟี่
มีการใช้งบลงทุนทั้งหมด 1,800 ล้านบาท ทั้งการขยายสาขา และปรับปรุงสาขา เป็นงบที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
และจะมีเตรียมผุดโมเดล Rest Area ที่เป็นจุดพักรถอย่างเดียว ไม่มีปั๊มน้ำมัน ตอนนี้กำลังดูที่ที่จังหวัดสิงห์บุรี ในพื้นที่ 14 ไร่ คาดจะได้เห็นเป็นรูปเป็นร่างภายใน 1-2 ปี
ดัน “จิฟฟี่” ลุยต่างประเทศ พ่วงไปกับบริษัทแม่
เป็นอีกยุทธศาสตร์หนึ่งที่ปตท.ต้องการผลักดันจิฟฟี่ให้เป็นร้านสะดวกซื้อภายในเครือ แต่ในประเทศไทยยังคงติดสัญญากับทาง “เซเว่น อีเลฟเว่น” อยู่ ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยถึงระยะเวลา และแผนต่อไป
แต่ในการบุกตลาดต่างประเทศของปตท.ที่เป็นบริษัทแม่ ที่ได้นำร่องไปที่ประเทศเพื่อนบ้านเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ในส่วนของค้าปลีกได้ลุยเพียงแค่ 3 ปีด้วยแบรนด์จิฟฟี่ ตอนนี้มีที่ประเทศลาว และกัมพูชา ที่ลาวมีทั้งหมด 13 สาขา แบ่งเป็นในปั๊ม 10 สาขา และสแตนอโลน 3 สาขา มีแผนขยายสาขาในปี 2559 อีก 30 สาขา ส่วนที่กัมพูชามี 5 สาขาอยู่ในปั๊มทั้งหมด
“การไปบุกต่างประเทศทำให้เห็นโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น จะเห็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่แตกต่างกันเลย ยอดการใช้จ่ายเฉลี่ยในไทยอยู่ที่ 79 บาท แต่ที่ลาว 150 บาท ที่นั่นเขาใช้จ่ายในจิฟฟี่เหมือนเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตเลย ทำให้เรากำลังมองว่าจะเอาชานมไข่มุก Pearly Tea เข้าไปอยู่ในจิฟฟี่ เป็นอีกโมเดลนึงในต่างประเทศ เพราะคนที่นั่นชอบเดินซื้อของข้างในจิฟฟี่มากกว่า ซื้อของทีเดียว แต่ที่เมืองไทยชอบเดินข้างนอกมากกว่า”
สำหรับรายได้ในส่วนนอนออยล์ในปีนี้คิดเป็นสัดส่วน 50% ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 70% ภายใน 3 ปี