ฮอตพอมั้ย ? คริสตัล ใช้ “นาย ณภัทร” ปั๊มยอดขาย

เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดตลอดทั้งปีสำหรับตลาด “น้ำดื่ม” ที่ทุกแบรนด์ทั้งกลยุทธ์ทั้งเรื่องราคา ขนาด และโปรโมชั่น มาใช้กันอย่างหนักหน่วงพื่อกระตุ้นยอดขาย  และชิงแชร์ตลาด โดยที่ตลาดน้ำดื่มในปี 2558 ที่ผ่านมามีการเติบโต 11% มีมูลค่า 32,000 ล้านบาท ในส่วนของปริมาณการดื่ม 4,200 ล้านลิตร มีการเติบโต 4%
 
 
ที่ผ่านมาเบอร์ 1 ในตลาดน้ำดื่ม ยังคงเป็นของ “ค่ายสิงห์” ด้วยส่วนแบ่งตลาด 21% รองลงมาเป็น “คริสตัล” จากค่ายเสริมสุข 17%  ซึ่งหมายมั่นปั้นมือปีนี้จะต้องขอขึ้นไปเบียดเบอร์ 1 อย่างแน่นอน  ทำให้เปิดศักราชใหม่คริสตัลจึงโหมเกมรุกอย่างหนัก ทั้งการลงทุน 500 ล้านบาทเพื่อสร้างโรงงานใหม่ที่โซนภาคอีสาน เพื่อขยายกำลังการผลิต จากปัจจุบันมีโรงงาน 5 แห่งที่ จังหวัดปทุมธานี, นครราชสีมา, ชลบุรี, นครปฐม และสุราษฎร์ธานี มีกำลังการผลิตรวมกัน 8 ล้านลัง/เดือน เมื่อมีโรงงานใหม่เข้ามาคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 1.2 ล้านลัง/เดือน หรือ 15 ล้านลัง/ปี แต่โรงงานใหม่นี้คาดว่าจะเสร็จช่วงสิ้นปี
 
 
รวมไปถึงการใช้ “พรีเซ็นเตอร์” อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก คริสตัลได้เลือก “นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ” นักแสดงและนายแบบที่กำลังฮอตอยู่ในขณะนี้ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมกับแคมเปญ “น้ำดื่มไม่ได้เหมือนกันหมด” ใช้งบการตลาดในช่วงไตรมาสแรก 50 ล้านบาท สาเหตุที่เลือกใช้นายเพราะว่า เพื่อต้องการเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ดูแลสุขภาพ และถ่ายทอดดีเอ็นเอของแบรนด์สู่ผู้บริโภคให้ชัดเจน มากกว่าที่คริสตัลจะพูดเอง และต้องการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้นด้วย
 
ก่อนหน้านี้คริสตัลเคยได้ใช้นักแสดง “น้ำตาล-พิจักขณา วงศารัตนศิลป์” และ “อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ” มาแสดงในภาพยนตร์โฆษณาเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่ใช่ในฐานะพรีเซ็นเตอร์
 
 
ชี้ตลาดแข่งกันที่คุณภาพน้ำ และช่องทางขาย
 
วิเวก ชาห์บรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทุกวันนี้ตลาดน้ำดื่มแข่งขันหลักๆ อยู่ด้วยกัน 2 ข้อคือ คุณภาพของน้ำ และความแข็งแกร่งของระบบการจัดจำหน่าย ในปีนี้เราเลยทำแคมเปญน้ำดื่มไม่ได้เหมือนกันหมดเพราะต้องการบอกกับผู้บริโภคว่าน้ำดื่มเราได้มาตรฐาน NSF และอ.ย. รวมถึงมีระบบการจัดจำหน่ายในเครือข่ายของไทยเบฟฯ ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงสร้างสีสันให้ตลาดด้วยการใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรก เพื่อต้องการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่”
 
ส่วนความท้าทายของคริสตัลในปีนี้ภายใต้ผู้บริหารคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจาก F&N ก็คือการเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด ซึ่งก็จะนำพามาซึ่งรายได้ทีเพิ่มขึ้น โดยที่ในอนาคตอาจจะมีแผนเพิ่มขนาดแพ็กเกจจิ้งขนาดใหญ่เช่น ขนาด 6 ลิตร หรือ 1 แกลลอน ที่คริสตัลยังไม่มี 
 
สำหรับเป้าหมายของคริสตัลในปีนี้ ตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านลัง และมีส่วนแบ่งตลาด 18-19% และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15% ทุกปี