ราคุเท็น (Rakuten) เจ้าพ่อบริการออนไลน์สัญชาติญี่ปุ่นยืนยันแผนขายหุ้นส่วนใหญ่ที่ถือใน “ตลาดดอทคอม” เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ไทยรายใหญ่ที่ราคุเท็นยึดเป็นฐานทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2009 พร้อมกับประกาศปิดบริการเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ในสิงคโปร์ มีผล 1 มีนาคมนี้ เช่นเดียวกับเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลส ในมาเลเซีย และอินโดนีเซียที่จะไม่มีให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมเป็นต้นไป เบื้องต้น ผู้ก่อตั้งตลาดดอทคอมขอให้ลูกค้าทุกคนมั่นใจว่าทุกอย่างปกติ และจะ “ดีขึ้นกว่าเดิม” แม้จะยังไม่มีการเผยรายละเอียดใดๆ
บริษัทอีคอมเมิร์ซญี่ปุ่นประกาศแผนปรับกลยุทธ์ธุรกิจในตลาดอาเซียนเมื่อวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า บริษัทจะเบนเข็มจากรูปแบบธุรกิจอีคอมเมิร์ซผ่านเว็บไซต์ ไปเป็นบริการโมบายแอปพลิเคชันที่เปิดให้ผู้บริโภคซื้อขายกันเองผ่านอุปกรณ์มือถือ (C2C) ในชื่อราคุมะ (Rakuma) การตัดสินใจนี้ทำให้ร้านออนไลน์ในหลายประเทศอาเซียนของราคุเท็นต้องปิดตัวลง เช่นเดียวกับการขายหุ้นในตลาดดอทคอมทิ้งไปเพื่อให้สามารถเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจได้ตามที่ตั้งเป้าไว้
การปิดฉากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ สาขาสิงคโปร์ rakuten.com.sg ของราคุเท็นเกิดขึ้นเพียง 2 ปีหลังจากเริ่มให้บริการเมื่อมกราคม 2014 ซึ่งแม้จะไม่สามารถทำการซื้อขายสินค้าบนเว็บไซต์ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป แต่ลูกค้ายังสามารถใช้ชื่อบัญชีเดิมในการใช้งานบริการอื่นของราคุเท็นได้ ทั้ง Rakuten Global Market และ Rakuten Travel
การปิดเว็บไซต์ในอาเซียนอาจทำให้พนักงานกว่า 150 คน ถูกลอยแพ แม้ราคุเท็นจะยังคงตั้งสำนักงานใหญ่ประจำอาเซียนไว้ที่สิงคโปร์เช่นเดิม
เบื้องต้น ราคุเท็นไม่เปิดเผยสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด โดยระบุเพียงว่า เหล่านี้ คือ ส่วนหนึ่งของนโยบาย และกลยุทธ์ใหม่ของบริษัท ซึ่งรวมถึงแผนการขายออนไลน์มาร์เก็ตเพลสสัญชาติไทยอย่างตลาดดอทคอม (TARAD.com)
ราคุเท็นเคยแถลงข่าวร่วมกับ “ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” ผู้ก่อตั้งตลาดดอทคอมว่าได้เข้าถือหุ้น 67% ของ TARAD.com ด้วยเงิน 114 ล้านบาท (มูลค่าเงินเมื่อ 31 ธันวาคม 2009) การซื้อขายหุ้นครั้งนั้น ภาวุธ ยืนยันว่า ไม่ได้ขายเว็บไซต์ให้ราคุเท็น ราคุเท็นเพียงแค่มาถือหุ้นหลัก เนื่องจากแนวทางการพัฒนาของตลาดดอทคอมยังมาจากภาวุธ แม้การดำเนินงานทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของโตชิยะ มัตสึโอะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจากราคุเท็น
ในขณะที่ราคุเท็นยังไม่ให้รายละเอียดแผนการขายหุ้นตลาดดอทคอมว่าจะดำเนินไปในทางใด รายงาน Rakuten Vision 2020 ซึ่งแสดงวิสัยทัศน์ที่ราคุเท็นต้องการเติบโตนั้นมีการระบุชื่อประเทศไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศอาเซียนที่รูปแบบธุรกิจอีคอมเมิร์ซของราคุเท็นจะเปลี่ยนจากเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลส ไปเป็นโมบายแอปพลิเคชัน จุดนี้คาดว่าราคุเท็น และตลาดดอทคอมจะมีการเปิดเผยความชัดเจนต่อไป
“ลูกค้าชาวตลาดดอทคอมไม่ต้องห่วงต่อข่าวนะครับ ทำตัวตามปกติ ทุกอย่างปกติครับ แต่จะดีขึ้นกว่าเดิมมหากาฬครับ” ส่วนหนึ่งของข้อความจากภาวุธ ที่โพสต์ไว้บนเฟซบุ๊กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.พ.)
ในรายงาน Rakuten Vision 2020 ราคุเท็นย้ำว่าจะให้ความสำคัญต่อตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีการเติบโตสูงอย่างไต้หวัน และญี่ปุ่นต่อไป โดยตั้งเป้าเติบโตในอัตรา 10-30% สถิติส่วนแบ่งตลาดญี่ปุ่นในขณะนี้ของราคุเท็น คือ 14.5% (ตัวเลขปี 2015) คาดว่าจะเพิ่มเป็น 25% ได้ในปี 2020