ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีโรงแรมหลากรูปแบบหลายระดับไว้รองรับกับนักเดินทางจากทุกมุมโลก ที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกันไป The Chedi เป็นโรงแรมประเภทรีสอร์ต ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกแก่นักเดินทางที่นิยมความเป็นส่วนตัวเพื่ออิ่มเอมกับความงามและความสงบจากธรรมชาติ เพราะห้องพักที่นี่จะเป็น “กระท่อม” (cottage) แยกหลังตั้งลดหลั่นจากบนเขาถึงหน้าหาดสุรินทร์ ซึ่ง Daniel J. Meury ผู้จัดการทั่วไปชาวสวิสย้ำว่า “รีสอร์ตเป็นหลังอย่างนี้มีไม่มากนักในภูเก็ต”
โรงแรม Chedi เปิดบริการเกือบ 10 ปี แต่ทว่าตัวโครงสร้างของโรงแรมถูกสร้างมาตั้งแต่ 22 ปีก่อนหน้านี้ภายใต้การดูแลของกลุ่ม Pansea Hotels & Resorts โดยตอนนั้นใช้ชื่อโรงแรมว่า “Pansea Phuket” ซึ่งเป็น 1 ใน 3 รีสอร์ตแรกของกลุ่ม Pansea พร้อมกับ Pansea Yangon ที่พม่า และ Pansea Bali ที่อินโดนีเซีย และเป็นที่มาของชื่อ “หาดพันซี” ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักดี
กลุ่ม Pansea บริหารโรงแรมนี้อยู่ราว 10 ปี จากนั้นกลุ่ม Aman Resorts ก็มาขอซื้อโรงแรมแห่งนี้ แล้วมอบหมายให้บริษัท GHM หรือ General Hotels Management จากสิงคโปร์เข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการโรงแรมแห่งนี้แทน โดยได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อโรงแรม “เชดี” ซึ่งเป็นแบรนด์หนึ่งของกลุ่มโรงแรมในบริษัท GHM และได้ว่าจ้างสถาปนิกและนักออกแบบภายในที่มีชื่อเสียงระดับโลก คือ Edward Tuttle มาปรับปรุงดีไซน์ของโรงแรม โดยให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดภายในห้อง และการใช้วัสดุท้องถิ่นมาผสานกับดีไซน์สไตล์คลาสสิก เพื่อให้เกิด “strong sense of place” และ “strong identity (of hotel & GHM)”
จุดเด่นของโรงแรมแห่งนี้ นอกจากทำเลที่ดีซึ่งด้านหน้าติดทะเลและด้านหลังโอบล้อมด้วยต้นมะพร้าว เลยดูเหมือนว่ารีสอร์ตแต่ละหลังซ่อนตัวอย่างสงบท่ามกลางธรรมชาติ และหาดแห่งนี้ก็สงบเงียบเป็นส่วนตัว เพราะมีเพียงแขกจากโรงแรม Amanpuri เท่านั้นที่ร่วมแชร์ชายหาด และสิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างโรงแรมทั้งสองได้ และจุดแข็งอีกประการก็คือ ระบบการจัดการบริหารโรงแรมขนาดเล็กโดยมืออาชีพของกลุ่ม GHM
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ “Design HotelTM” เลือก Chedi เป็นสมาชิกมาตลอดร่วม 9 ปี ก็เพราะคอนเซ็ปต์หลักของบริษัท GHM ค่อนข้างจะคล้ายกับ “Design HotelTM” ต่างกันเพียงบริการที่ให้ และนี่ก็ทำให้โรงแรมในเครือของ GHM เป็นสมาชิกของ Design HotelTM ถึง 7 แห่งจาก 10 แห่ง (ในปัจจุบัน) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายของแต่ละโรงแรม เช่น แบรนด์โรงแรม “The Datai” บนเกาะลังกาวีในมาเลเซียกลับเป็นสมาชิกของ The Leading Hotels of the World ซึ่งจับกลุ่มนักเดินทางที่ต้องการความสะดวกสบายและความหรูหรามากกว่าแบรนด์อื่น
ข้อมูลทั่วไปของกลุ่ม GHM Hotels
บริษัท GHM ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2535 (1992) เป็นบริษัทที่รับดูแลเรื่องบริหารจัดการและพัฒนาให้กับกลุ่มโรงแรม รีสอร์ต และคลับที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก (ทำหน้าที่คล้ายกับแบรนด์ที่เป็นเชนโรงแรม) ซึ่ง property ที่ GHM จะเข้าไปบริหารส่วนมากจะอยู่ในทำเลท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศสวยงาม วิสัยทัศน์ของบริษัท คือ สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ลักษณะเด่นของโรงแรมของ GHM ทุกแห่งจะเหมือนกับ “เชดี” คือ ดีไซน์ที่กลมกลืนกับความงามของธรรมชาติโดยรอบ ผนวกกับความงามของศิลปะของท้องถิ่น ซึ่ง GHM ถือเป็นเชนโรงแรมขนาดกลางและเล็ก ชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ GHM ยังบริหารจัดการร้านอาหารและบาร์ชื่อ “T8 Restaurant & Bar” ด้วย
ปัจจุบัน โรงแรมของ GHM ที่เป็นสมาชิก Design HotelTM คือ โรงแรม The Legian บาหลี, The Chedi ภูเก็ต, The Chedi โอมาน, The Strand พม่า, The Lalu ไต้หวัน, The Leela อินเดีย และ The Setai ไมอามี่ ซึ่งจะเป็นโรงแรมแห่งแรกของเครือ GHM ที่อยู่นอกภูมิภาคเอเชีย ส่วนโรงแรมที่ไม่ได้เป็นสมาชิกคือ The Datai กับ The Andaman บนเกาะลังกาวี มาเลเซีย และ The Club บาหลี ส่วนในอนาคต GHM กำลังจะมีโรงแรมในเครือเพิ่มขึ้นคือ The Chedi Villas บาหลี The Chedi เชียงใหม่ และ The Setai ภูเก็ต ทั้งนี้ โรงแรมที่จะสร้างใหม่นี้มีแนวโน้มจะเป็นสมาชิกของ Design Hotel TM ทุกโรงแรม
