โรงแรมในสเปน

สเปนประเทศแห่งการท่องเที่ยวที่จัดให้อยู่ในระดับต้นๆ ของโลก โดยเทียบจากยอดนักท่องเที่ยว ซึ่งมีมากกว่า 50 ล้านคนต่อปี โรงแรมเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่รองรับและสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนี้ให้มีความเจริญมาตามลำดับ

โรงแรมประเทศสเปนนั้นมีหลายลักษณะ มีความแตกต่างกันตั้งแต่ตัวอาคาร การตกแต่งภายใน รวมไปถึงเครื่องใช้ต่างๆ สำหรับบริเวณชายทะเลหรือในเมืองใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมแบบสมัยใหม่ เป็นอาคารตึกสูงหลายสิบชั้น ลักษณะการตกแต่งก็เป็นแบบสมัยใหม่ตามมาตรฐานสากลที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป

ประเภทต่อมา ซึ่งน่าจะเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของโรงแรมในสเปน คือ มีการประยุกต์อาคารเก่าๆ โครงสร้างเก่าๆ ที่เคยเป็น โรงเรียน โรงพยาบาล โบสถ์ มาทำเป็นโรงแรม ซึ่งอาจจะมีการปรับเพียงบางส่วน หรือปรับใหม่ทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามมักจะเหลือร่องรอยของสิ่งเก่าๆ เหล่านั้นหลงเหลือไว้เสมอ ในส่วนของการตกแต่งก็จะใช้การผสมผสานกันระหว่างศิลปะยุคเก่าที่สอดคล้องสัมพันธ์กับโครงสร้างเดิมของโรงแรมนั้นๆ กับลักษณะสมัยใหม่เพื่อความสะดวกในการใช้สอยและการบริการ

สเปนยังมีโรงแรมอีกประเภทหนึ่งที่มีชื่อเสียงมาก แต่จะไม่เรียกว่า Hotel จะใช้ชื่อว่า Parador อันนี้จะเป็นลักษณะอาคารดั้งเดิมจริงๆ หรือไม่ก็มีการปรับแต่งแต่น้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นวิหารโบราณ คฤหาสน์ขุนนางสมัยก่อน หรือพระตำหนักต่างๆ มาทำเป็นโรงแรม การตกแต่งต่างๆ ก็จะสอดคล้องกับประวัติศาสตร์และเรื่องราวของสถานที่นั้นๆ โรงแรมแบบนี้มักจะตั้งอยู่เดี่ยวๆ นอกเมือง มีส่วนล้อมรอบ

ตัวอย่างของโรงแรม

– Abba Fonseca Hotel, Salamanca

ตัวอย่างหนึ่งของโรงแรมประยุกต์มาจากโครงสร้างของอาคารเก่าแก่ เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซาลามังก้า สำหรับตัวอาคารนั้นมีประวัติเก่าแก่มาก ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 16 เริ่มแรกถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำเป็นโรงเรียนของนักบวชในคาทอลิก แต่มาได้ถูกใช้เป็นค่ายทหาร, เป็นที่ประทับของ Fernando VII ในยุคสงครามกลางเมืองของสเปน, ในศตวรรษที่ 19 ก็ได้ตกเป็นสมบัติของเทศบาลเมืองซาลามังก้า และได้กำหนดให้เป็นที่พักของแขกเมือง ต่อมาก็ใช้ทำเป็นโรงพยาบาล จนกระทั่งในปี 1914 ทางเทศบาลได้ประกาศขาย แม่ชีคาทอลิกกลุ่มหนึ่งก็ได้ชื้อมาทำเป็นสถานศึกษาสำหรับแม่ชี และในปี 1960 ก็ได้ตกเป็นสมบัติของกลุ่มโรงแรม Abba

ตัวอาคารได้ถูกปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมด แต่จะคงไว้ผนังด้านหน้าที่ยังเป็นโครงสร้างเดิม

เป็นอาคาร 4 ชั้น มีอาคารเสริมสูงสองชั้นขนาบทางด้านซ้าย ซึ่งเป็นส่วนของร้านอาหารของโรงแรม มีทั้งหมด 86 ห้อง บางห้องมีระเบียง มองเห็นตัวโบสถ์ประจำเมืองได้ชัดเจน และนอกจากนี้ยังมีห้องที่เตรียมไว้สำหรับผู้พิการโดยเฉพาะ ห้องโถงมีขนาด 238 ตารางเมตร จุได้ 300 คน มีสปา ซาวด์น่า ฟิตเน็ตและอื่นๆ ตามมาตรฐานทั่วไป

การตกแต่งภายในนั้นจะเป็นลักษณะของการผสมกันระหว่างยุคกลางกับยุคใหม่ ตามผนังก็จะมีตัวอักษรตามสมัยยุคกลางเป็นภาษาละติน หรือในบางมุมก็ประดับด้วยพระคัมภีร์ขนาดใหญ่ สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือโทนสี ทีนี่จะใช้เป็นโทน แดงส้ม แดงเหลือง หรือแดงเลือดหมู เป็นหลัก เพราะเป็นสีเอกลักษณ์ของเมืองนี้

ในส่วนของสิ่งของเครื่องใช้อย่างอื่น เช่น โต๊ะ, เก้าอี้, เตียง หรือห้องน้ำ จะเป็นตามลักษณะสมัยใหม่

ทุกห้องจะประกอบด้วยโต๊ะเขียนหนังสือ, โต๊ะประกอบ, ห้องน้ำ, เครื่องเป่าผม,โทรศัพท์, สัญญาณอินเทอร์เน็ต, ทีวีดาวเทียม และตู้เซฟ

โดยทั่วไปลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจ และในช่วงหน้าร้อนก็จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น

– San Polo Hotel, Salamanca

นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของโรงแรมแบบประยุกต์จากโครงสร้างเก่า เป็นโรงระดับ 3 ดาว ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า บริเวณที่ก่อสร้างโรงแรมเป็นโบสถ์เก่าในศตวรรษที่ 11 เป็นโบสถ์สไตล์โรมันของ San Polo ซึ่งในปัจจุบันเหลือเพียงซากผนังโบสถ์ส่วนหนึ่งและส่วนที่เป็นฐานรากให้เห็นเท่านั้น ซึ่งโรงแรมได้ประยุกต์มาเป็นส่วนของระเบียงกล้างแจ้ง สำหรับวางโต๊ะอาหารในช่วงหน้าร้อน

ตัวโรงแรมเป็นตึก 4 ชั้น มีผนังเป็นหินทรายชนิดพิเศษ สีน้ำตาล ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสิ่งปลูกสร้างสำคัญๆ ของเมืองซาลามังก้า ประกอบด้วย 36 ห้อง การตกแต่งภายในก็จะผสมผสานกันระหว่างยุคเก่ากับยุคใหม่ ในโทนสีขาว สีไม้ และสีครีม จุดเด่นของโรงแรมนี้ นอกจากจะมีซากโบสถ์โรมันแล้วให้ระลึกถึงเรื่องราวในอดีตแล้ว ยังมีทำเลใกล้กับแม่น้ำ และมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม จากระเบียงของโรงแรมสามารถมองเห็นตัวโบสถ์ของเมืองในมุมมองที่สวยที่สุด

– Husa Princesa, Madrid

เป็นโรงแรมระดับห้าดาว ตั้งอยู่ใจกลางกรุงมาดริด ตัวอาคารเป็นแบบสมัยใหม่ สูง 14 ชั้น ประกอบไปด้วย 275 ห้อง มีห้องโถงที่จะจุได้ถึง 1,000 คน เป็นลักษณะของโรงแรมหรูสมบูรณ์แบบ และยังมีระบบ WI-FI ทั่วทั้งโรงแรมด้วย