สาวน้อยหน้าใสวัยเพียง 24 ปี คนนี้ เธอเป็นโปรโมเตอร์หญิงที่มีอายุน้อยที่สุด และเป็นคนเดียวในวงการมวยของไทยขณะนี้ “โอ๋” ปริยากร รัตนสุบรรณ กับภาระหน้าที่ในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วันทรงชัย แม้จะหนักและเหนื่อยจนบางครั้งต้องแลกด้วยน้ำตา แต่เธอยืนกรานว่า “มวยคืออาชีพเรา จะยังไงก็ต้องสู้ต่อไป”
โอ๋เป็นลูกสาวคนเล็กของทรงชัย รัตนสุบรรณ โปรโมเตอร์มวยชื่อดังผู้วางรากฐานให้กับวงการมวยไทยมาราว 27 ปี ด้วยความคุ้นเคยกับการทำงานในวงการมวยของผู้เป็นพ่อมาตั้งแต่เด็ก อุดมการณ์ของทรงชัยจึงถูกถ่ายทอดและซึมซับเข้าสู่สายเลือดของเธออย่างเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อบวกกับความต้องการแบ่งเบาภาระของคุณแม่เป็นแรงผลักดัน เธอจึงกลับมาทำงานที่บ้าน แม้ว่าหน้าที่การงานในบริษัท ปตท. ของเธอกำลังไปได้ดี
“โอ๋ไม่อยากเห็นคุณแม่เหนื่อย โอ๋ว่าท่านเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งในการทำงาน เพราะกิจการของเราต้องอาศัยเงินหมุน ทุกอย่างเราต้องจ่ายก่อน แต่เวลารับลูกค้ามักขอ 90 วัน 60 วันบ้าง ฉะนั้นคุณแม่จะหนักพอสมควร และท่านไม่ค่อยแข็งแรง โอ๋ก็คิดว่า เราน่าจะช่วยแบ่งเบาได้ โอ๋ก็อยากสานฝันความคิดของคุณพ่อที่จะทำให้มวยไทยมรดกไทยเป็นมรดกโลก แม้จะยากมาก แต่โอ๋เชื่อมั่นว่า ถ้าเรามีความตั้งใจมันก็น่าจะสัมฤทธิผลได้”
ความรับผิดชอบของโอ๋ เริ่มตั้งแต่การจัดโปรแกรมการชก ว่าใครค่ายไหนควรเจอกันเมื่อไร เพราะบริษัท “วันทรงชัย” มีนักมวยไทยในสังกัดร่วมหมื่นคนทั่วประเทศ บางครั้งเธอต้องตระเวนออกไปดูการฟิตซ้อมและความเป็นอยู่ของนักมวยตามค่ายมวยด้วยตนเอง เพื่อจัดนักมวยที่มีความพร้อมที่สุดขึ้นชก ซึ่งเธอบอกว่า ความตึงเครียดที่เธอสืบทอดมาพร้อมกับหน้าที่นี้คือ ภาระในการพิจารณาโปรแกรมอย่างยุติธรรมและทำให้ทุกฝ่ายพอใจ เพราะทุนและรายการชกมีจำกัด เรียกได้ว่า เธอเป็นผู้มีส่วนในการจัด “เบื้องหน้าเวที”
ขณะเดียวกัน เธอก็ยังมีภาระสำคัญที่ต้องรับผิดชอบต่อ “เบื้องหลังรายการ” ทั้งการเชิญ “ผู้ใหญ่” มาเป็นประธานเปิดเวที และที่สำคัญคือ การติดต่อขอสปอนเซอร์ เพื่อหารายได้มาครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในแต่ละครั้งที่จัดชกมวย ตลอดจนประสานงานเรื่องการถ่ายทอดสดซึ่งเธอยอมรับว่า กระแสกีฬาฟุตบอลต่างประเทศ กีฬาเทนนิส เหล่านี้ทำให้ คนสนใจมวยไทยน้อยลง และรายได้จากสปอนเซอร์ก็ลดลง ขณะที่วงการมวยเองก็มีโปรโมเตอร์เกิดขึ้นเยอะจึงมีการแข่งขันตัดราคาและการล็อบบี้สูง ทำให้รายการถ่ายทอดของเธอต้องหลุดจากสถานีหลักไปออกอากาศทางช่อง 11 แทน “มันหนัก เพราะลูกค้าไม่เข้า แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะนักมวยไม่มีที่ระบาย”
“มันหนักตรงที่ทุกคนต่างก็ต้องการรับความช่วยเหลือจากเราหมด เขารอเข้ารายการชก เราก็ได้ถูกกดดันตรงที่ต้นทุนค่าตัวนักมวยมาแล้วล้านห้า เราต้องทำอย่างไรให้ได้สปอนเซอร์มากกว่านี้ ก็ต้องยอมรับที่ทำๆ ก็ขาดทุนบ้างกำไรบ้างเจ๊าๆ กันไป แต่ก็ถือว่าเราพอจะมีเงินที่หล่อเลี้ยงตรงนี้ และนักมวยเองก็ต้องรับผิดชอบครอบครัวเขา เราก็ต้องไปแสวงหาวิธีอะไรที่จะทำให้เราได้เงินมาตรงนี้”
รายได้ค่าตั๋วซึ่งเป็นเพียงแหล่งเดียวของรายได้สำหรับรายการที่ไม่มีการถ่ายทอดสด และรายได้จากสปอนเซอร์สำหรับนัดที่มีการถ่ายทอด ปัจจุบัน บริษัท วันทรงชัย ยังหารายได้จาการทำ VCD ออกจำหน่าย เพื่อนำรายได้ตรงนี้มาจุนเจือกับค่าใช้จ่ายจากการจัดโปรแกรม พร้อมทั้งส่งเสริมมวยไทยให้โด่งดังไปทั่วโลก และกระตุ้นให้คนไทยรุ่นใหม่อยากมาดูมวยไทยมากขึ้น เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของวงการนี้
แม้วันนี้ สถานการณ์ของวงการมวยไทยอาจถึงจุดวิกฤตด้านคนดู รายได้ และภาพลักษณ์วงการมวยไทย แต่ทว่าชื่อเสียง “ศึกวันทรงชัย” ก็ยังเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพของรายการมวย สามารถเรียกแรงศรัทธาของแฟนมวยไทยให้กลับมาติดขอบเวทีได้เกือบทุกครั้ง ประกอบกับน้ำใจของครอบครัว “รัตนสุบรรณ” ที่มีต่อนักมวยในสังกัด ทำให้โอ๋ไม่อาจละทิ้งกิจการและวงการนี้ได้ ตราบเท่าที่เธอยังมี “แรงสู้” ต่อไป
“โอ๋ตอบไม่ได้ว่าจะทำกิจการนี้ไปจนอายุ 50 หรือ 60 ปีเหมือนคุณป๊าหรือเปล่า แต่โอ๋รู้แค่ว่า ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะเรามีนักมวยในสังกัดทั่วประเทศค่อนข้างมาก ถ้าเราไม่ทำ เราก็ต้องหาคนขึ้นมาแทนศึกวันทรงชัยอยู่ดี เราไม่สามารถปล่อยให้ล้มหายไปได้ ไม่เช่นนั้นคนเหล่านี้เขาจะไปขึ้นชกที่ไหน เขาก็ลำบากเพราะมันคืออาชีพเขา นี่ก็เป็นอีกประการที่ทำให้เรากดดัน เพราะเราไม่อาจคำนึงถึงแค่ความพอใจของตัวเอง แต่เราต้องทำให้ทุกคนพอใจ แม้หนื่อยเราต้องยอมเพื่อคนส่วนรวม”
ด้วย “ความโหด” ของภาระรับผิดชอบที่หนักหนา หลายคนมองว่า ผู้หญิงไม่น่าจะเหมาะกับวงการนี้ โดยเฉพาะผู้หญิงผู้อ่อนหวาน อ่อนไหว และเรียบร้อย อย่างเธอ แต่โอ๋กลับคิดว่า “ด้วยความเป็นผู้หญิง มันกลับเป็นโอกาส เพราะเรามีความอ่อน สามารถประนีประนอมพูดคุยได้ ส่วนโอ๋อายุยังน้อย ก็ถือว่าไม่มีอะไรเสียหายที่จะสอบถามความคิดเห็นและคำแนะนำจากผู้ใหญ่ในวงการ”
“พี่น้อย” เหมือนคิด แสนสุข ผู้ช่วยของโอ๋และครอบครัวเห็นดีกับการตัดสินใจของทรงชัยที่ให้โอกาส “ทรงชัยน้อย” คนนี้ได้เรียนรู้และเติบโตในวงการมวยต่อไป “คุณโอ๋เป็นคนอ่อนหวาน ประนีประนอม ถ้าเป็นผู้ชายบางทีก็อาจจะเกิดการแตกหักกันไปเลย ถ้าเทียบกับพี่สาวคนโตซึ่งค่อนข้างจะเด็ดขาด ผมว่าคุณโอ๋น่าจะเหมาะกว่า และเทียบกับการทำงานของพี่ชาย คุณโอ๋น่าจะเจองานหนักกว่า เพราะต้องปะทะโดยตรง และติดต่อสปอนเซอร์ ซึ่งคุณโอ๋จะมีบุคลิกคล่องกว่า”
การเป็น “สาวหวาน” ท่ามกลางวงการที่มีแต่ผู้ชายอกสามศอก และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อสื่อมวลชน ทำให้เธอได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างมาก คิวนัดสัมภาษณ์ที่ชนกันจนเธอต้องขอเลื่อนเวลากับทีมงาน POSITIOING และอีกหลายคิวที่ยังจ่อรอเธอ ซึ่งก็น่าจะสร้างกระแสความนิยมของ “ศึกวันทรงชัย” ให้พัดหวนกลับมาได้ อันหมายถึงรายได้จากสปอนเซอร์ของบริษัทที่น่าจะเพิ่มขึ้น แต่การกอบกู้ความยิ่งใหญ่ให้กลับมายั่งยืนได้หรือไม่ คงขึ้นอยู่กับสมอง สองมือ และหัวใจอึดของ “ทรงชัยน้อย” คนนี้ อยู่มากพอสมควร
Profile
Name : ปริยากร รัตนสุบรรณ
Born : 27 กุมภาพันธ์ 2523
Education :
2530-2535 ประถมศึกษาจาก โรงเรียนเซนต์ฟรังซ์ซีสซาเวียร์ คอนแวนต์
2536-2538 มัธยมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนเซนต์ฟรังซ์ซีสซาเวียร์ คอนแวนต์
2539-2540 มัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
2541-2543 ปริญญาตรี คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2544-2545 ปริญญาโท คณะการจัดการทั่วไป มหาวิทยาลัยมหิดล หลักสูตรนานาชาติ
Career Highlights :
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พนักงานบริหาร ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ และพัฒนาสถานบริการ
ปัจจุบัน โปรโมเตอร์จัดการแข่งขันชกมวย และรองประธานกรรมการ บริษัท วันทรงชัย จำกัด
Family :
บุตรสาวคนเล็กของทรงชัย และเสาวนีย์ รัตนสุบรรณ พี่สาวคนโต คือ ภัทรภร รัตนสุบรรณ พี่ชายคนกลาง คือ นายศิรภพ รัตนสุบรรณ