รวมกัน “ใหญ่”

แทบจะเป็นการเปิดตัวพบหน้าสื่อเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีของ “เฮียย้ง” ยงศักดิ์ เอกปรัชญาสกุล ในการทำหน้าที่เบื้องหลังในฐานะบริษัทจัดจำหน่าย เบื้องหลังความสำเร็จของแกรมมี่มาโดยตลอดในฐานะกรรมผู้จัดการ

บุษบา ดาวเรือง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงที่มาที่ไปของงานว่า “ปี 2548 จะเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจที่เปลี่ยนโฉมหน้าไปจากเดิม” สำหรับวิธีการทำธุรกิจของเอ็มจีเอ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะผลต่อเนื่องจากงาน “Music Never Die” ที่ส่งสัญญาณบางอย่างถึงมุมมองธุรกิจอุตสาหกรรมเพลงของแกรมมี่ไปก่อนหน้า

แน่นอนผลกระทบนี้ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงระบบจัดจำหน่ายด้วยเช่นกัน แต่คำว่า “ธุรกิจ” ที่บุษบากล่าวนี้ นอกจากเพลงแล้วยังหมายถึง …ภาพยนตร์

ปัจจุบัน MGA ถือเป็นบริษัทจัดจำหน่ายเพลงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ รวมปริมาณการขายไม่ต่ำกว่า 220 ล้านชิ้น โดยจะเกียร์เดินหน้าหันธุรกิจมาจับมือกับพันธมิตร เพื่อเพิ่มสัดส่วนให้กับการภาพยนตร์ในรูปวีซีดี เพราะเห็นว่าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 2 ปีที่ผ่านมา ในระดับ 50 ต่อ 50 เมื่อเทียบหนัง ต่อจำนวนเพลงที่ขายในร้านเทป

ด้านผลประกอบการของ MGA แค่ 6 เดือนแรกของปี มีรายได้มากกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในอัตราการเติบโตระดับ 10 เปอร์เซ็นต์ สิ้นปีคาดว่าจะมีรายได้เกิน 3 พันล้านบาท

“คาดว่าอีก 3 ปีข้างหน้า เอ็มจีเอจะมีรายได้จากการจำหน่ายภาพยนตร์ในสัดส่วนที่เท่ากับรายได้จากการจำหน่ายเพลง” ยงศักดิ์ กล่าว

คู่ค้า และพันธมิตรธุรกิจของเอ็มจีเอมีมากกว่า 3,000 ราย ซึ่งล่าสุด GTH บริษัทร่วมทุนเปิดใหม่ของแกรมมี่ใช้เอ็มจีเอเป็นการซินเนไจซ์กันภายใน ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายของธุรกิจแกรมมี่ด้านภาพยนตร์ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งจะเหลือก็มีเพียงโรงภาพยนตร์ของตัวเอง

นี่ยังหมายถึง การที่เฮียย้งจับมือกับเผด็จ หงษ์ฟ้า แห่ง CVD ผู้ประกอบการให้เช่ารายใหญ่ที่สุดของประเทศ ก็เป็นการต่อจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายให้ภาพของ GTH นั้นสมบูรณ์ แล้วลงไปถึงระบบเช่าภายในบ้านอันเป็นช่องทางสุดท้ายในการจำหน่ายภาพยนตร์ ซึ่งอาจจะเป็นกรณีเดียวกับที่ผู้ประกอบการรายใหญ่อย่างสหมงคลฟิล์มต้องหันมาทำระบบจำหน่ายหนังแผ่นอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก่อนเข้า “ตลาด” ก็ได้

ด้านวิสูตร พูลวรลักษณ์ กล่าวว่า “ถ้าผมอยู่ในฐานะเสี่ย ผมก็จะทำอย่างที่เสี่ยเจี่ยงทำ”

โฉมหน้าของธุรกิจภาพยนตร์ไทยต่อไปจะเริ่มเห็นอะไรที่ “ใหญ่” ขึ้นทุกที