ภาพการแสดงคอนเสิร์ตวงดนตรีเพื่อชีวิตระดับตำนาน “คาราบาว” กับฉากหลังเขาควายขนาดมหึมาเป็นภาพที่ใครหลายคนคุ้นตา แต่ฉากหลังของคอนเสิร์ตที่เคยมีแต่เขาควายวันนี้ซ้อนอยู่บนโลโก้ตะวันแดงพร้อมกับคำว่า “คาราบาวแดง”
จะมีแบรนด์ไทยแท้สักกี่แบรนด์ที่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่ารวดเร็วภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี คาราบาวแดงสร้างปรากฏการณ์ให้กับธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังที่ขณะนี้ได้ส่วนแบ่งทางการตลาดไปแล้วกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ด้วยกลยุทธ์ music marketing ที่ใช้การจัดกิจกรรมการตลาดด้วยฟรีคอนเสิร์ต “นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” ของวงดนตรีคาราบาวไปทั่วประเทศ ทำให้ชื่อของคาราบาวแดงแพร่ไปยังกลุ่มตลาดเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว
ต้องยอมรับว่าเมื่อพูดถึง “คาราบาวแดง” คนทั่วไปก็จะนึกถึง “คาราบาว” มีไม่กี่คนที่จะนึกถึง “ตะวันแดง” และเมื่อพูดถึง “คาราบาว” ใบหน้าของ “แอ๊ด คาราบาว” (ยืนยง โอภากุล) ก็ต้องลอยขึ้นมาในความคิดอย่างแน่นอน พูดถึงแอ๊ด เขาคือตำนานเพลงเพื่อชีวิตอีกหนึ่งคน ที่ยังโลดเล่นอยู่ในทางสายดนตรี แน่นอนความแรงของคาราบาวแดงเกิดขึ้นได้ก็เพราะชื่อเสียงของคาราบาว และที่สำคัญ ชื่อเสียงของแอ๊ด ที่ประชาชนยกให้ แอ๊ด และคาราบาวเป็น “ตำนานเพลงเพื่อชีวิต” ดังนั้น การที่แบรนด์คาราบาวแดงจะทำให้ผู้คนจดจำได้อย่างรวดเร็วก็ไม่ใช่เรื่องยาก
การนำสินค้ามาผูกติดกับศิลปินตามรูปแบบ idol marketing ผนวกเข้ากับ music marketing ถึงแม้จะได้ผลเป็นอย่างดีและเป็นรูปแบบที่คงจะไม่มีคู่แข่งรายไหนสามารถที่จะเลียนแบบความสำเร็จนี้ได้ แต่ เสถียร เศรษฐสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทคาราบาวตะวันแดง (ผู้ถือหุ้นเป็นอันดับ 2 รองจากแอ๊ด) ก็ยอมรับว่ากลยุทธ์ที่คาราบาวแดงใช้อยู่ในตอนนี้มีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย เพราะศิลปินนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน เรียกได้ว่าถ้าวันหนึ่ง แอ๊ดหรือคาราบาวจางหายไปจากสังคม หรือมองในแง่ร้าย ถ้าแอ๊ดเกิดเสียชีวิตขึ้นมา ความนิยมของคาราบาวแดงก็คงจะลดน้อยลงไป แต่เพราะ “คาราบาวแดง” คือแบรนด์ใหม่ที่ต้องการผลทางการตลาดที่รุนแรงและรวดเร็ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์นี้
ในปีที่ผ่านมาคาราบาวแดงใช้กลยุทธ์การจัดฟรีคอนเสิร์ต “นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” เป็นจำนวนถึง 70 ครั้งทั่วประเทศไทย โดยใช้รูปแบบให้คนดูจ่ายเงิน 20 บาท ได้คาราบาวแดง 1 ขวด พร้อมหางตั๋วที่สามารถนำไปเล่นเกมชิงของที่ระลึก เท่านั้นคงยังไม่สามารถทำให้กลุ่มเป้าหมายจดจำ “คาราบาวแดง” ได้เท่ากับการที่สมาชิกวงคาราบาวทุกคนใส่เสื้อสีดำที่มีโลโก้คาราบาวแดง บวกกับฉากหลังเวทีคอนเสิร์ตที่เป็นรูปโลโก้คาราบาวแดงขนาดมหึมา พร้อมกับมีการฉายหนังเล่าถึงที่มาของคาราบาวแดง ระหว่างการแสดง เรียกได้ว่าขายสินค้ากันกลางเวทีก็ว่าได้
แน่นอนว่ากลยุทธ์ที่คาราบาวแดงเลือกใช้เป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้องและประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะ “คาราบาว” คือวงดนตรีมหาชน และคนไทยชอบรูปแบบที่เป็นกันเอง สัมผัสได้ การที่คาราบาวแดงขายไปพร้อมๆ กับคอนเสิร์ต มันก็เหมือนแอ๊ดและคาราบาวมาขายคาราบาวแดงด้วยตัวเอง แต่ถึงจะประสบความสำเร็จสักเพียงใดต้องไม่ลืมว่า ภาพลักษณ์ของแอ๊ด ศิลปินเพื่อชีวิต ศิลปินเพื่อชีวิตในมุมมองของคนทั่วไปคือศิลปินที่ทำเพื่ออุดมการณ์ ทำเพื่อสังคม
แต่การที่แอ๊ดเข้ามาทำธุรกิจเครื่องดื่ม ที่เรียกว่าเครื่องดื่มบำรุงกำลัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เครื่องดื่มบำรุงกำลัง” คำนี้เป็นสีเทา แน่นอนคงมีแฟนเพลงของแอ๊ดและคาราบาวไม่น้อยที่ผิดหวัง ดังนั้นนอกจากความเสี่ยงในด้านความยั่งยืนของแอ๊ดและคาราบาวแล้ว ก็ต้องอย่าลืมภาพลักษณ์ของ คาราบาวที่สะสมมากว่า 20 ปีด้วยเช่นกัน