ตั้งแต่ต้นปีที่มีสายการบินต้นทุนต่ำทยอยเปิดตัว ไม่เพียงแต่สายการบินปกติหรือระดับพรีเมียมที่ต้องพลิกตำรามาตั้งรับ กระทั่งสายการบินเล็ก หรือ Shuttle Air อย่างบริษัท SGA ก็ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดด้วยเช่นกัน
หลังการเปิดเส้นทางบินตรงสู่อุ้มผางซึ่งเป็นเส้นทางแรกของบริษัทเมื่อมกราคมปีนี้ เหมือนทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งมีสายการบินต้นทุนต่ำเปิดมากขึ้น “แม้ destination อุ้มผางไม่น่าจะได้รับผลกระทบ แต่สายการบินต้นทุนต่ำทำให้ผู้บริโภคมี destination ที่เป็นทางเลือกมากขึ้น” ศันสนันต์ คุ้มมั่น ในฐานะ Commercial Director เล่า เมื่อถึงหน้า low season ของอุ้มผาง จึงยิ่งทำให้มีลูกค้าน้อยมาก
SGA จึงเปิด sub-brand ขึ้นมาใหม่ภายใต้ชื่อ “Hua Hin Air Shuttle” ซึ่งเป็นเส้นทางกึ่งประจำ (คือ ผู้โดยสารเพียง 1 คนก็บิน) จากกรุงเทพฯ-หัวหิน เริ่มบินเมื่อ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา เพราะเห็นว่า ปัจจุบันหัวหินถือเป็น “Quality Destination” ที่มีโรงแรมหรูหราจำนวนมาก มีอัตราการเช่าห้อง (occupancy rate) สูงกว่า 70% มาตลอดตั้งแต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจ และที่สำคัญคือ มีนักท่องเที่ยวเป็นนักธุรกิจและเป็นชาวยุโรปจำนวนมาก
ด้วยเวลาเดินทางที่จะลดจาก 2-4 ชั่วโมง เหลือเพียง 36 นาที จึงใช้สโลแกน “It’s closer than ever” และความถี่ในการบินถึง 4 เที่ยวต่อวันเป็นจุดขายสำคัญ แต่ยิ่งกว่านั้น คือ การมี “strategic partner” ที่เข้มแข็งเป็นโรงแรมและรีสอร์ตระดับห้าดาวในหัวหิน ทั้งเอวาซอน, ชีวาศรม, แมริออท, อนันตรา, ฮิลตัน, รีเจนท์, ไฮแอท รีเจนซี่ และโซฟิเทล นอกจากนี้ ยังจะมีเชอราตันซึ่งเปิดปลายปีหน้ามาเข้าร่วมด้วย
เนื่องจากข้อจำกัดที่ปัจจุบันมีเครื่องบินเพียง 1 ลำ จึงไม่แปลกที่ ผู้บริหาร SGA จะตัดสินใจหยุดเส้นทางอุ้มผางชั่วคราวจนกว่าจะได้เครื่องบินลำใหม่ เพราะเมื่อเทียบอัตราและระดับของนักท่องเที่ยวแล้ว Sub-Brand อย่าง “Hua Hin Air Shuttle” น่าจะสร้างรายได้ดีกว่า “Great Escape to Nature” หรืออุ้มผาง โดยสนนราคาก็ตั้งไว้เป็น US$ เฉพาะบินไปกลับ 135++/ที่นั่ง (หรือ 5,500 บาท) ส่วนบินเที่ยวเดียว 80++ (หรือ 3,300 บาท)
“ปีหน้าจะเป็นปีของเรา” เจน ชาญณรงค์ MD กล่าวก่อนจะแย้มแผนอนาคตว่า จะทำให้หัวหินเป็น “hub” ที่มี SGA ให้บริการพานักท่องเที่ยวจากที่นี่ไปเที่ยวยังแหล่งอื่นๆ ได้
Website
