สีสันใหม่ในร้านสเวนเซ่นส์

บรรดาแฟนคลับไอศกรีมสเวนเซ่นส์คงได้เห็นปรากฏการณ์ใหม่ ในรอบปี 2548 หลังจากไอศกรีมสเวนเซ่นส์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ครองใจผู้บริโภคมานานกว่าสิบปี ด้วยภาพลักษณ์บรรยากาศในร้านที่ออกจะดูมีมนต์ขลังเรียบ ง่าย ดูแล้วเกิดความสุขุมลุ่มลึก

มาวันนี้ภาพลักษณ์ดังกล่าวของร้านสเวนเซ่นส์ ได้ถูกลบไปจากความทรงจำของผู้บริโภคยุคดิจิตอลให้กลับกลายเป็นร้านที่มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยสีสัน ความสนุกสนาน ผ่านความคิดและน้ำมือของชุมพจน์ ตันติสุนทร กรรมการผู้จัดการ บริษัทสเวนเซ่นส์ (ไทย ) จำกัด และ น้ำเพชร์ ตติยวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทสเวนเซ่นส์ (ไทย ) จำกัด

แม้ว่าสเวนเซ่นส์สามารถครองใจผู้บริโภคในท้องตลาดทั่วๆ ไป มีส่วนแบ่งตลาดถึง 85% ของมูลค่าตลาดรวม 1,800 ล้านบาท ครองอันดับหนึ่งมาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่อาจนิ่งนอนใจ เพราะในท้องตลาดไม่ได้มีสเวนเซ่นส์เจ้าเดียว แต่ยังมีคู่แข่งทางอ้อมอย่าง Baskin Robbins และ Haagen-Dazs แม้เป็นไอศกรีมระดับพรีเมียมที่อยู่คนละตลาดกับสเวนเซ่นส์ก็จริง แต่ในสนามการค้าขายจำเป็นที่ต้องรุกเดินหน้าทิ้งคู่แข่งให้วิ่งตามไม่ทัน เพราะเป้าหมายของการปรับโฉมร้านสเวนเซ่นส์คือการได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 90-95 %

สำหรับจุดประกายความคิดแรกเริ่มของการปรับโฉมร้านใหม่ครั้งนี้ มาจากคำว่า ”ไอศกรีม“ ถ้าให้หลับตาคิดดูพบว่าปัจจุบันกลายเป็นอาหารที่ให้ความสนุกสนาน เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดเวลา ขณะที่ร้านไอศกรีมเป็นสถานที่ที่มักถูกใช้ในการฉลองความสำเร็จทุกเรื่อง เป็นแหล่งแห่งการนัดพบปะสังสรรค์ระหว่างคู่รัก และ ครอบครัว ดังนั้นใครมานั่งกินไอศกรีมร้านสเวนเซ่นส์คนเดียวถือว่าเป็นบุคคลที่น่าสงสารมาก

สิ่งที่สัมผัสได้เมื่อเข้ามานั่งร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ในวันนี้คือ เมนูไอศกรีมที่เปิดออกมาแล้วจะพบกับภาพไอศกรีมขนาดใหญ่มีสีสันสดใสเรียกน้ำย่อยเป็นอย่างดี วางเรียงรายประดับประดาอยู่เต็มทุกหน้ากระดาษที่เปิดออก ทดแทนเมนูในอดีตที่เปิดออกมาเห็นแต่ตัวหนังสือเต็มไปหมด

ลำดับต่อมาคือสีสันของร้านเพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการกิน ด้วยการปรับเปลี่ยนเก้าอี้ที่นั่งให้มีสีแดงอมชมพูเหมือนไอศกรีมรสสตรอเบอรี่ เพดานมีการบรรจงแต่งเติมสีสันต่างๆ ลงไปให้ผู้บริโภคที่เข้ามานั่งในร้านได้รับรสชาติของการเสพบรรยากาศในร้านนอกจากการบริการที่ดี

ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการเอาใจผู้บริโภคยุคนี้ที่เริ่มตระหนักถึงการดูแลสุขภาพ ไอศกรีมสเวนเซ่นส์ได้มีการเพิ่มไอศกรีมโฉมหน้าใหม่ขึ้นมาเป็น “โยเกิร์ต ฟรุต“ ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มสีสันลูกเล่นให้กับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพและเป็นแฟนคลับตัวจริงของสเวนเซ่นส์ เนื่องจากโยเกิร์ต ฟรุตจะมีองค์ประกอบของผลไม้ 9 อย่าง เช่น เชอรี่ , กีวี , สับปะรด , บูลเบอรี่ ลูกค้าสามารถไปยื่นบอกว่าต้องการผลไม้อะไร จากนั้นพนักงานก็จะปั่นผลไม้ดังกล่าวทำออกเป็นโยเกิร์ต ฟรุต ให้รับประทาน

โปรโมชั่น ก็เป็นส่วนประกอบที่ต้องไปด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกถึงความตื่นเต้นว่าจะมีอะไรให้ลิ้มลองที่แตกต่างไปจากไอศกรีมในเมนู ซึ่งปีหนึ่งจะมีทั้งหมด 6 โปรโมชั่น แต่ละโปรโมชั่นจะไม่หนีไปจากภาพลักษณ์เดิมของไอศกรีมสเวนเซ่นส์ที่ต้องถูกตกแต่งด้วยลูกเชอรี่ ราดวิปครีม ปักด้วยขนมปังกรอบเวเฟอร์ เพราะจุดยืนของสเวนเซ่นส์ คือความเป็นไอศกรีมซันเดย์

มูลค่าตลาดไอศกรีมพรีเมียม 1,800 ล้านบาท
– อันดับ 1 เป็นของสเวนเซ่นส์ 90 %
– รองลงมาเป็น Baskin Robbins 5 % และ Haagen-Dazs 5%

โต๊ะทานไอศกรีมสเวนเซ่นส์จะถูกออกแบบด้วยวัสดุคล้ายหินอ่อนสีขาวพิเศษ เมื่อลูกค้ามานั่งแล้วเอามือลูบๆ ดูจะรู้สึกได้ว่าเย็นๆ เพราะเป็นความตั้งใจที่ต้องการให้ลูกค้าได้ลิ้มลองกับบรรยากาศความเย็นของไอศกรีมทางผิวหนังควบคู่กับไปการตักไอศกรีมทานเข้าปาก
เก้าอี้จะเน้นสีแดงสตรอเบอรี่เพื่อสร้างบรรยากาศการให้เกิดความสนุกสนานสดใสระหว่างทานไอศกรีม