วินาทีนี้ต้องยอมรับ Reality Show รายการบันเทิงรูปแบบใหม่ที่กำลังคืบคลานเข้ามามีอิทธิพลต่อผู้ชมคนไทยไม่น้อย เจ้าของสถานีโทรทัศน์แทบทุกช่องพากันส่ง Reality Show เข้าประชันการแข่งขัน แย่งชิงเรตติ้งกันดุเดือด ใครจะอยู่ใครจะไปเป็นเรื่องที่เฝ้าจับตามอง ช่อง 3 จะแย่งชิงความเป็นผู้ด้าน Reality Show โดยไม่เสียรังวัดให้กับช่อง 7 เหมือนเรตติ้งในละครได้หรือไม่
จากกระแสความโด่งดัง Reality Show ไม่ว่าจะเป็น Big Brother, Acadeny Fantasia, The Swan ที่ขยายเข้ามาเผยแพร่อิทธิพลในเมืองไทยผ่านทาง UBC เคเบิลทีวี ในช่วงเมื่อต้นปี 2548 ที่ผ่านมา และ Reality Show ดังกล่าวถือได้ว่าเข้ามาสร้างความแปลกใหม่ให้คนไทยได้สัมผัส จนกลายเป็นกระแสที่พลาดไม่ได้ แต่จะเป็นเฉพาะกลุ่มคนไทยที่บ้านติดเสาเคเบิลทีวีเท่านั้น บ้านใดไม่มีเสาเคเบิลทีวีก็อดดูไป
ทรงศักดิ์ เปรมสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน ) ถือเป็นผู้ที่มองเห็นกระแสความดังของ Reality Show จึงได้เริ่มวางหมากในการเข้าไปฉกฉวยโอกาสทองดังกล่าว ด้วยการนำ Big Brother ผลิตโดยบริษัทกันตนา ซึ่งเป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์จากประเทศอังกฤษ มาบรรจุอยู่ในผังรายการ
รายการนี้จะถ่ายทอดสดผ่านทาง UBC ส่วนไอทีวี จะแพร่ภาพเฉพาะช่วงสำคัญๆ ของ Big Brother มาเผยแพร่ให้ผู้ชมทางบ้าน ตั้งแต่เวลา 5 ทุ่ม เป็นต้นไป
การเคลื่อนไหวของไอทีวีครั้งนี้ นับเป็นความพยายามในการสร้างจุดยืนใหม่ให้กับสถานี ด้วยการเฟ้นหารายการใหม่ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับละครมาฉุดสร้างเรตติ้งหลังเวลาข่าวภาคค่ำ เพราะเวลาดังกล่าวช่อง 3 และ 7 ครองแชมป์ละครหลังข่าวมาหลายช่วงยุคสมัย ยากที่ไอทีวีจะล้มแชมป์ได้ในเร็ววัน ไม่เหมือนกับรายการ “เรียลลิตี้” ที่ยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง ไม่มีใครมีประสบการณ์มากกว่ากัน
ทรงศักดิ์บอกว่า การเลือก Big Brother เพราะเป็นรายการที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนไทยมากกว่า Reality Show เรื่องอื่นๆ Big Brother สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนไทยในด้านของการตั้งโจทย์คำถามบนพื้นฐานของคน 12 คนที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่บนสังคมเดียวกัน ซึ่งแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันในด้านความรู้ อาชีพ บุคลิกภาพ และเมื่อมาเจอเหตุการณ์หรือปัญหาเข้ามาแต่ละคนก็จะมีวิธีคิดในการแก้ไขปัญหาไม่เหมือนกัน
“ในแง่ของคนดูทางบ้านก็จะได้เห็นพฤติกรรมความเป็นไปของคน 12 คน ว่าจะทำอย่างไรเป็นการให้ข้อคิด สาระ ไม่ใช่ได้แค่ความบันเทิงอย่างเดียว”
Big Brother จะใช้เวลาแพร่ภาพประมาณ 12 สัปดาห์ จากนั้นจะมีรายการ Reality Show เรื่องใหม่เข้ามาสวมทับทันที เพื่อไม่ให้ผู้ชมทางบ้านรู้สึกเบื่อ ซ้ำซากจำเจ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด 90 % จะเป็นรายการ Academy Fantasia Reality Show ปีที่ 2 ซึ่งเป็นรายการเรียลลิตี้ที่เคยสร้างกระแสความนิยมถล่มทลายมาแล้ว ในปีแรกที่เผยแพร่ทางยูบีซี
ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวของไอทีวีครั้งนี้ เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าไอทีวีให้ความสำคัญกับรายการที่เป็นแบบ Reality Show เพราะอย่างน้อยก็เป็นตัวฉุดสร้างเรตติ้งให้กับไอทีวีที่สามารถผงาดขึ้นมาไม่น้อยหน้า ช่อง 3 และ 7
Reality Show ถือเป็นรายการที่กำลังเข้ามาสร้างจุดพลิกผันให้สถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ ได้กระโดดเข้ามาร่วมวงสนทนาแข่งขันกันในเรื่องของการทำ Reality Show เพื่อสร้าง ฉุด รักษาเรตติ้ง ไม่ให้ช่องอื่นเข้ามาดูดกลืนง่ายๆ
เหมือนสมัยช่วงหนึ่งที่สถานีโทรทัศน์แต่ละช่องพากันแข่งขันในเรื่องละคร ข่าว จากนั้นก็ตามมาด้วยเกมโชว์ มายุคนี้ต้องแข่งขันในเรื่อง Reality Show ด้วย ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการเปิดช่องว่างให้คู่แข่งเข้าตีท้ายครัวง่ายๆ แถมยังต้องสูญเสียรายได้ค่าโฆษณาบางส่วนไปด้วย
นอกจากนี้กระแสความดังของ Reality Show ในต่างประเทศที่กำลังขยายวงกว้างออกไปสู่ผู้ชมยังประเทศอื่นๆ เมืองไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่ได้อิทธิพลในการซึมซับค่านิยมการดู Reality Show
เห็นได้ว่าตอนนี้ทุกช่องรายการมีการนำ Reality Show เข้ามาประดับอยู่บนผังรายการแทบทั้งหมด และสถานีโทรทัศน์ส่วนใหญ่จะเลือกเวลานำเสนอระหว่าง 4 -5 ทุ่ม เป็นเวลาหลังละครภาคค่ำจบแล้ว ต่อด้วยรายการที่เป็นวาไรตี้โชว์ หรือทอล์กโชว์ ซึ่งเวลาดังกล่าวเหมาะต่อการได้กลุ่มผู้ชมทางบ้านที่ครอบคลุมทั้งแม่บ้าน, คนทำงาน, นักศึกษา เพราะถ้าให้เลือกเวลานำเสนอช่วงระหว่างวันก็จะได้กลุ่มคนที่เป็นแม่บ้าน และ คนรับใช้อย่างเดียว
ชาลอต โทณวณิก ประธานกรรมการบริหาร บริษัทบีบีทีวี โปรดักชันส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของช่อง 7 ก็ให้ความสนใจเรื่อง Reality Show ถึงขั้นลงทุนบินไปดูด้วยตัวเองที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะเป็นประเทศหนึ่งที่กระแส Reality Show โด่งดังมาก ผู้ชมทางบ้านพากันคลั่งไคล้เฝ้าอยู่แต่หน้าจอ เพราะเป็นรายการที่สร้างสีสันความแปลกตาในการดูที่ต่างไปจากรายการที่เป็นละคร และเกมโชว์
จึงไม่ใช่แปลกที่วันนี้เริ่มเห็นผู้จัดรายการโทรทัศน์มีการหยอดใส่รายการที่เป็น Reality Show ไปให้กับคนไทยได้ทดลองบริโภคกันดู เพราะรู้ว่ากระแสของ Reality Show ในต่างประเทศจะดังข้ามทะลุหลั่งไหลเข้ามามีอิทธิพลปกคลุมคนไทยในไม่ช้านี้
ที่ผ่านมาช่อง 7 ก็มี Reality Show “ คุณลิขิต “ ของบริษัทอินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นส์ จำกัด เวลาออนแอร์ช่วง 11.40 น. ซึ่งเป็นรายการที่จับกลุ่มได้เฉพาะนักเรียน แม่บ้านเท่านั้น แต่ถ้าถามผลลัพธ์ที่ช่อง 7 ได้รับ ถือว่าดีมากในเรื่องของการรับรู้พฤติกรรมของคนไทย ว่ากำลังเดินรอยตามค่านิยมการบริโภครายการที่เป็นแบบ Reality Show เหมือนในต่างประเทศ
เป็นสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้บริษัทบีบีทีวีเตรียมคลอด Reality Show ตัวใหม่ในเดือนมิถุนายนเพื่อฟาดแข้งแข่งกับช่อง 3 ที่กำลังมี Reality Show เรื่องไทยแลนด์เน็ตท็อปโมเดิล และไอทีวี ที่มี Big Brother
“ถ้าช่อง 7 ไม่คิดจะทำอะไร มีหวังโดนคู่แข่งแย่งชิงเรตติ้ง เพราะช่อง 9 เอง มีรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ และรายการถึงลูกถึงคน ที่แย่งแชร์ผู้ชมทางบ้านไปจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน เป็นการปรับตัวเองเพื่อให้ทันกับการแข่งขันเพื่อแช่งยิงเรตติ้งบนพื้นฐานกระแส Reality Show”
Reality Show ที่บีบีทีวีสนใจ และเตรียมนำมาชนกับทางช่อง 3 ไทยแลนด์ เน็กซ์ท็อปโมเดล คือ Reality Show หางานและอาชีพหลากหลายที่คนทั่วไปสนใจอยากรู้ เช่น อาชีพแอร์โฮสเตท, นักประชาสัมพันธ์ ขณะที่ช่อง 3 เป็น Reality Show ด้านค้นหานางแบบ ส่วน Big Brother เป็นการอยู่ร่วมกันของคน 12 คน ที่มีความต่างกันในเรื่องของการศึกษา, อาชีพ, สถานะทางสังคม
การที่ช่อง 7 เลือก Reality Show หางานและอาชีพหลากหลาย เป็นการสร้างความแตกต่างที่จำเป็นต้องแข่งขันกับทางช่องอื่นให้ได้ เพราะการทำรายการรูปแบบนี้จะประสบความสำเร็จครองใจผู้บริโภคให้หันมาเปิดดูทุกครั้ง วิธีการนำเสนอรวมทั้งเนื้อหาต้องดึงดูดคนดูให้ได้ ผู้ผลิตรายการจำเป็นต้องตีโจทย์ให้แตกได้ว่า ณ เวลานั้นคนดูต้องการอะไร
“ยอมรับเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะผู้เข้าร่วมแข่งขันก็ไม่ใช่ดารานักแสดง การที่จะทำเรื่องหนึ่งออกมาแล้วน่าสนใจ คนดูเห็นแล้วไม่ปิดหรือหมุนไปดูช่องอื่น คือการเสนอเนื้อเรื่องที่ตอบสนองความต้องการของคนดูได้“
สิ่งที่จะวัดกระแสความติดอกติดใจใน Reality Show ของแต่ละช่องที่กำลังจ่อคิวกันลงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เป็นต้นไปคือ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้ชมทางบ้าน ซึ่งจะเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นถึงผลงานของแต่ละช่องเป็นอย่างดี ว่าควรติดอยู่บนผังรายการต่อไปหรือควรถอนออกแล้วหารายการอื่นมาเสียบแทน
แน่นอน ถ้าช่องไหนนำเสนอ Reality Show แล้วเนื้อหาออกมาโดนใจผู้บริโภคทางบ้านจนติด เรตติ้งพุ่งกระฉูด ผลพวงที่ตามมาคืออัตราค่าโฆษณาที่มีการเรียกเก็บจากลูกค้าสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะเวลานี้อัตราค่าโฆษณาแพงสุดอยู่ในช่วงข่าวภาคค่ำ และละครหลังข่าว จึงเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าติดตามต่อจากวินาทีนี้จนยาวไปอีก 3 เดือน ซึ่งเวลาที่สุกงอมพอที่จะวัดเรตติ้งของ Reality Show ของแต่ละช่องว่าใครจะอยู่ใครจะเพลี่ยงพล้ำ
“ช่อง 7 ตอนนี้เก็บค่าโฆษณาช่วงเวลา 4 ทุ่ม 60,000-80,000 บาทต่อนาที ส่วนอนาคตจะอัพขึ้นไปเป็นแสนๆ หรือไม่ คงต้องรอดูอีก 3 เดือน ซึ่งเป็นเวลาที่สามารถเช็กเรตติ้งจาก Reality Show ได้ว่าผู้บริโภครู้สึกอย่างไร“
หลังจากนำร่องรายการ ”สถานการณ์บันเทิง“ ไฮโซบ้านนอกมาเผยแพร่ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 21.40 น. ซึ่งเป็นการปลุกกระแสให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมกันอย่างสนุกปากและเข้าใจผิดคิดว่าเป็น Reality Show อย่างหนึ่ง
ธาราพุช จารุวัฒนะ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สถานีวิทยุไทยทีวีสีช่อง 3 เล่าให้ฟังว่า ไฮโซบ้านนอก เป็นเหมือนการเปิดไพ่จั่วหัวในเบื้องต้นของช่อง 3 ทั้งในด้านการเตรียมความพร้อมสร้างให้ผู้บริโภคค่อยๆ ซึมซับยอมรับกับรายการที่เป็นแบบ Reality Show รวมทั้งเป็นการชิมลางว่าเนื้อหาในเรื่องไฮโซบ้านนอก สามารถเข้าไปตอบสนองความต้องการในด้านการเสพสุขรูปแบบันเทิงดังกล่าวได้อีกหรือไม่
Reality Show เป็นบันเทิงรูปแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองไทย แต่ละช่องก็จะมีการเตรียมงาน ความพร้อม ที่ไม่เหมือนกัน ช่อง 3 ปูทางด้วยการนำรายการไฮโซบ้านนอก มาทำเป็นน้ำจิ้มให้ผู้บริโภคได้ลองชิมดู ซึ่งก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผู้ชมต่างให้เสียงการตอบรับค่อนข้างมาก มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงไฮโซที่มาร่วมเล่นว่า มาเล่นเพื่อหวังดัง, มีการจัดฉากบทให้พูด, เป็นไฮโซบ้านนอกทำไมแต่งตั้งเว่อร์มาก
จากความสำเร็จนี้เป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นผู้บริโภคคนไทยเริ่มให้การยอมรับกับรายการที่เป็นแบบ Reality Show เหมือนกันแม้จะไม่ขยายวงกว้างดังเปรี้ยงปร้างเหมือนในต่างประเทศ แต่ในอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้บริหารสถานีใดกล้าออกมาพูดรับรองว่ารูปแบบ Reality Show ในเมืองไทยผู้บริโภคจะไม่ให้ความสนใจที่จะติดตามดู
มิฉะนั้นช่อง 3 คงไม่เตรียมนำรายการไทยแลนด์ เน็ตท็อป โมเดิล ของพิมซอนย่า ที่ร่วมทุนกับบริษัทบีอีซีเทโรฯ ซึ่งเป็น Reality Show มานำเสนอต่อจากไฮโซ บ้านนอก ในวันที่ 18 พฤกษาคมนี้ เวลา 21.40 น แน่นอน ซึ่งเท่ากับเป็นการเห็นมวยคู่เอกระหว่างช่อง 3 และ 7 ที่ไม่เพียงแต่ฟาดแข้งแข็งในเรื่องละคร ยังต้องฉวยชิงความเป็นผู้นำ Reality Show อีกด้วย
อีกมุมหนึ่งก็ถือเป็นโอกาสทองของช่อง 3 ว่าจะสามารถกวาดความเป็นผู้นำด้าน Reality Show โดยไม่พลาดท่าเสียคะแนนนับแต้มไปให้กับทางช่อง 7 เหมือนรายการละครหลังข่าวภาคค่ำได้หรือเปล่า ทั้งๆ ที่ช่อง 3 นำ Reality Show ไทยแลนด์ เน็ตท็อปโมเดิล สตาร์ตตัวออกวิ่งไปก่อน Reality Show หางาน ของช่อง 7 ที่กว่าจะลงลู่วิ่งจริงๆ ก็ปาเข้าไปในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
ถ้าจะให้มองในมิติกว้างๆ จะเห็นเกมการแข่งขันที่ดุเดือดหน้าจอร้อนฉ่าของแต่ละช่องในการเฟ้นหา Reality Show ในรูปแบบแตกต่างและหลากหลายที่จะกวาดเรตติ้ง รวมทั้งอัตราค่าโฆษณา ให้ได้มากที่สุด เมื่อนั้นคู่กัดที่แท้จริงของช่อง 3 ไม่ได้มีแค่ช่อง 7 แต่ยังมีช่อง 9, 5 และ ไอทีวี ผสมเข้ามาอีกด้วย
สุระ เจนธนศิลป์ ผู้อำนวยการฝ่ายรายการ สถานีวิทยุและโทรทัศน์ ช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บอกว่า เขารู้สึกงงมากกับคำว่า “Reality Show“ ในเมืองไทย ว่าคือรายการไหนกันแน่ เพราะคำว่า Reality คือสถานการณ์หรือภาพที่เกิดขึ้นจริง เช่น การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล, การชกมวยชิงแชมป์โลก แต่ Reality Show ที่คนไทยผลิตออกมาให้เห็นขณะนี้เป็นลูกผสมระหว่างสถานการณ์จริงกับการปรุงแต่งให้เป็นกึ่ง Drama มีการจัดฉากเป็นบ้านให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันเข้าไปแสดงเผยธาตุแท้นิสัยตนเองออกมา มีบทให้พูด ซึ่งคนดูทางบ้านฉลาดพอที่จะไม่หลงเชื่อว่าไม่มีการเซตฉาก หรือบทพูดขึ้นมา
เป็นเรื่องที่ต้องค้นหา เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นต้นกำเนิดของการทำรายการในลักษณะดังกล่าวแล้วบัญญัติเรียกเป็น “Reality Show“ รายการถึงลูกถึงคน ของโมเดิร์นไนน์ ทีวี ก็ไม่ได้เป็นReality Show ลักษณะข่าว แม้เป็นเหตุการณ์ที่เชิญแขกรับเชิญมาร่วมกันทอล์กสดๆ ร้อนๆ เพื่อตอบข้อซักถาม แต่ก็เป็นข่าวเชิง Drama มีการเขียนบท นำเสนอเพื่อให้การดำเนินรายการมีอรรถรส และน่าดูมากขึ้น
สิ่งที่โมเดิร์นไนน์ ทีวี กำลังทำขณะนี้เพื่อสอดรับกระแสความเป็น Reality Show ขนานแท้คือ การทำรูปแบบ Reality Show รูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากสถานีช่องอื่นๆ โดยโมเดิร์นไนน์ เตรียมจะทำและคลอดออกมา 2 รายการ ในเดือนมิถุนายน และปลายปี 2548 นี้ เป็นเนื้อหาเน้นแนวสนุกสนาน เป็นรูปแบบกิจกรรมที่เน้นการเดินทางเพื่อติดตามศึกษาพฤติกรรมความเคลื่อนไหวของผู้เข้าร่วมแข่งขัน รายละเอียดปลีกย่อย ผู้อำนวยการฝ่ายรายการของโมเดิร์นไนน์ บอกว่า ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำเพราะกลัวถูกก๊อบปี้… แต่รับรองสนุก
Rate โฆษณาช่วงไพร์ไทม์
สถานี :
– ไอทีวี
รายการ :
– Big Brother
เวลาออกอากาศ :
– 23.00 น.
ค่าโฆษณา :
– 300,000 บาท
สถานี :
– ช่อง 3
รายการ :
– ไทยแลนด์เน็ตท็อปโมเดิล
เวลาออกอากาศ :
– 21.40 น.
ค่าโฆษณา :
– 240,000 บาท
สถานี :
– ช่อง 7
รายการ :
– Reality Show หางาน
เวลาออกอากาศ :
– 23.00 น.
ค่าโฆษณา :
– 60,000-80,000
สถานี :
– ช่อง 9
รายการ :
– Reality Show แนวสนุกสนาน
เวลาออกอากาศ :
– 22.00 น.
ค่าโฆษณา :
– 220,000 บาท
คุณลิขิต : ตอนค้นหาดารา
“คุณลิขิต” เป็น Reality Show รายการแรกของวิลักษณ์ โหลทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัทอินสไฟร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ที่กำลังเผยแพร่ทุกวันจันทร์ อังคาร์ พุธ เวลา 11.40 -12.45 น. ทางช่อง 7 เป็นซีรี่ส์ตอน 2 ใช้ชื่อว่า “ ค้นหาดารา”
เปิดฉาก ด้วยการรับผู้สมัครเข้าร่วมแข่งกัน 1,000 คน และเฟ้นหาผู้เล่นผ่านสายตาคณะกรรมการจนเหลือ 22 คน จากนั้นก็พาไปเก็บตัวทำกิจกรรมเข้าคอร์สการแสดง, ร้องเพลง โดยผู้ชมทางบ้านสามารถโทรเข้ามาร่วมโหวต เพื่อคัดออกจากทีมไป โดยแบ่งเป็นหญิง 1 ชาย 1 เรื่อยไปจนเหลือชายหญิงคู่สุดท้าย จึงจะเป็นผู้ชนะพิชิตรางวัลไปมูลค่า 5 แสนบาท พร้อมเซ็นสัญญาเล่นละคร 1 ปี กับทางดาราวีดีโอ
แรงจูงใจของการทำ Reality Show คุณลิขิต มาจากพื้นฐานความต้องการที่อยากสร้างธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ให้ครบวงจร หลังจากที่บริษัทมีสื่อสิ่งพิมพ์สยามบันเทิง, สยามดารา นิตยสารหัวนอกอย่าง FHM, cawari รวมทั้งรายการทีวี เช่น แฟนซ่าส์ กีฬามันส์, FHM .TV แต่ละรายการล้วนเป็นความบันเทิงในรูปแบบของกีฬา, ความเคลื่อนไหวของศิลปินนักแสดง ซึ่งมองไปทางไหนก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกใหม่แตกต่างไปจากผู้จัดรายอื่นที่กระโดดลงมาทำรายการที่เกี่ยวกับกีฬาและความบันเทิงเหมือนกัน
ผนวกกับกระแส Reality Show ในต่างประเทศ เป็นรายการบันเทิงอีกรูปแบบหนึ่งให้ความรู้สึกแปลกใหม่ดี เป็นลักษณะบันเทิงกึ่งสาระ ผู้ชมให้การยอมรับค่อนข้างสูง จึงได้ลองเข้าไปศึกษาดูแล้วนำกลับมาพิจารณาตรึกตรองดูถึงความเป็นไปได้ในตลาดเมืองไทย ด้วยการชิมลางเปิด Reality Show คุณลิขิต ซีรี่ส์แรกค้นหานางแบบขึ้นมา
จากนั้นก็ตามด้วยซีรี่ส์ 2 ค้นหาดารา ที่กำลังเผยแพร่อยู่ ซึ่งประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งถ้าเทียบกับเวลาที่ได้ออนแอร์ และความที่ยังเป็นสินค้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาแจ้งเกิดในตลาดเมืองไทย
โดยไอเดียต้องเป็นการค้นหานางแบบ และค้นหาดารา เพราะค่ายนี้มีความถนัดในเรื่องทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงมากกว่าธุรกิจแขนงอื่นๆ ซึ่งเป็นการต่อยอดความคิดในสิ่งที่มีอยู่ในมือให้ครอบคลุมแตกแขนงออกไปอีก