เพื่อกระตุ้นการซื้อหนังสือ ในช่วงวิกฤตน้ำมันแพงหูฉี่ ทำให้เจ้าของสำนักพิมพ์ และร้านหนังสือต้องลุกขึ้นมาจับมือร่วมกันทำกิจกรรมในชื่อโครงการ “ให้หนังสือเป็นของขวัญ Book for Gift” โดยมีคอนเซ็ปต์ คือ การให้หนังสือเป็นของขวัญ สนุกและมีความสุข
โครงการนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง ร้านหนังสือ Se-Ed Book Centre ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร้านหนังสือ Library Book Shop ของนานมีบุ๊ค ร้านนายอินทร์ และร้านหนังสือเส้งโห ภูเก็ต เป็นต้น
ภายในงานแถลงข่าว ยังได้จัดให้มีการเสวนาในหัวข้อ “ร้านหนังสืออยู่รอดอย่างไร ในยุคน้ำมันแพง” โดยแนวคิดส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องของการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
“ในยุคก่อนฟองสบู่แตก คนตกงานเยอะ มักสนใจเรื่องเรียนต่อ ทำให้หนังสือเกี่ยวกับการเรียนต่อขายดีมาก ส่วนยุคนี้ มีปัญหาเรื่องของน้ำมันแพง หนังสือที่น่าจะขายดี คงเป็นหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาจิตใจ หนังสือสุขภาพต่างๆ” อุไรวรรณ กรวิทยาศิลป จากศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอก
ภาพรวมของตลาดหนังสือในมุมมองของ ทนง โชติสรยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นว่า ปี 46 เป็นปีที่หนังสือขายดีมาก แต่มีหนังสือใหม่ออกต่อวันแค่ 28 หัวเท่านั้น สวนทางกับภาพรวมของหนังสือปี 2547 ที่ยอดขายลดลงเรื่อยๆ แต่กลับมีหัวหนังสือใหม่ออกมา 31 หัวเศษต่อวัน เขาเชื่อว่าคนอ่านหนังสือในปี 2548 อาจลดลงอีกเล็กน้อย ดังนั้นการมีโครงการนี้เกิดขึ้น น่าจะทำให้ธุรกิจหนังสือเติบโตขึ้นเหมือนเดิมก็ได้
โครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนจาก ไปรษณีย์ไทย สำหรับผู้ส่งหนังสือผ่านช่องทางไปรษณีย์ จะมีกล่องแสดงชัดเจนว่าร่วมในโครงการนี้ และสามารถตรวจสอบทางอินเทอร์เน็ตได้ตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังรับรองถึงความปลอดภัย ว่าถึงมือผู้รับอย่างแน่นอน ไม่เชื่อ ต้องลองถาม สุวดี จงสถิตวัฒนา (นานมีบุ๊ค) ที่ได้รับกล่องไปรษณีย์ Book for Gift กับมือภายในงาน
Did you know?
โครงการนี้ นอกจากจะสนับสนุนให้ส่งหนังสือเป็นของขวัญแล้ว ยังสนับสนุนให้สังฆทานหนังสือแทนอาหารอีกด้วย