นับตั้งแต่เรื่องเล่าเช้านี้การออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2546 ใครจะคิดว่า เส้นกราฟความดังจะพุ่งทะยานเหมือนติดจรวด กลายเป็นรายการยอดฮิต จุดประกายการแข่งขัน News talk ยามเช้า
วันเปิดกล้องอาจจะมีเพียง “ประวิทย์ มาลีนนท์” และ “สุพล วิเชียรฉาย” บิ๊กบอสแห่งบางกอกการละคอน เป็นผู้เห็นเงารางๆ ว่า เรื่องเล่าเช้านี้ ในสไตล์ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” จะเป็นรายการใหม่ที่จะดังเปรี้ยงปร้างเก็บเกี่ยวเรตติ้งยามเช้าแบบพุ่งกระฉูด ถึงขนาดลงทุนตื่นแต่เช้ามาเป็นกำลังใจตั้งแต่วันเปิดกล้อง
ความสำเร็จของรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ตลอดระยะสามปีของรายการนี้จุดกำเนิดขึ้น สามารถพลิกสภาพจาก “ป่าช้ายามเช้า” ของรายการทีวีทุกช่อง มาสู่ “หรรษายามเช้า” ได้ แบบถล่มทลาย วัดกระแสเรตติ้งที่พุ่งกระฉูด โฆษณาแน่นเอียด สร้างรายได้ให้ช่อง 3 ปีละมากถึง 200-300 ล้าน ชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อนในการผลิตรายการประเภทข่าว
เรตติ้งที่พุ่งกระฉูด เป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าสัวช่อง 3 มั่นอกมั่นใจว่า การเล่นกับข่าวเดินมาถูกทางแล้ว
“เรื่องเล่าเช้านี้ เป็นเดอะวินเนอร์ ที่ชนะรายการทุกช่องในช่วงยามเช้า ซึ่งเป็นตัวจุดกระแสให้ช่องอื่นให้มาแข่งขันด้านรายการเล่าข่าว หรือลักษณะที่เป็นวาไรตี้ข่าว”
สรยุทธ เล่าว่า กว่าจะใช้ชื่อเรื่องเล่าเช้านี้ เคยเกือบใช้ชื่อ “คุยคุ้ยข่าว” และอีกสารพัดชื่อที่มีคำว่าเช้าเข้ามาผสมคำ
“คอนเซ็ปต์ของรายการ ตั้งใจไว้แต้ต้นว่าจะไม่ลำดับความสำคัญของข่าว แต่จะพยายามทำตามความต้องการของคนดูเป็นสำคัญ คือเน้นเรื่องที่ชาวบ้านสนใจ และพยายามลำดับเรื่องเริ่มต้นจากเรื่องเบาๆ ที่มีผลต่อชีวิตของคนทั่วไป ก่อนที่เข้าเรื่องหนักๆ”
คอนเซ็ปต์ที่เน้นกลุ่มชาวบ้านนี่เอง ซึ่งเป็นฐานใหญ่ของคนดูทีวี ทำให้ผลของกระแสความนิยมค่อยๆสูงขึ้น แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูผู้ชม คือ ตัวพิธีกร โดยเฉพาะกระแสสรยุทธฟีเวอร์ ค่อยเติบโตขึ้นตามลีลานักเล่าข่าวของสรยุทธ
ไม่ใช่เพียงกระแสสรยุทธ คู่หูพิธีกรที่เข้ามาเพิ่มสีสันของรายการ จากจุดเริ่มต้น นำพิธีข่าวสาว “อรปรียา หุ่นศาสตร์ ” มาร่วมเล่าข่าว มาถึง “สู่ขวัญ วิวรกิจ” และ “มีสุข แจ้งมีสุข” กลับมาสู่สาวอารมณ์ดีแบบอรปรียาเหมือนเดิม และเพิ่มนักเล่าข่าวกีฬา เอกราช เก่งทุกทาง อีกหนึ่งคน กลายเป็นความลงตัวที่ช่วยผลักดันให้รายการนี้ประสบความสำเร็จ
“สาระ มุกฮา ทะลึ่งนิดๆ และเสียงหัวเราะแบบชวนขำ” เป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องเล่าเช้านี้พุ่งถึงจุดสูงสุด มีเรตติ้งอันดับหนึ่งในช่วงเช้า วัดกระแสความนิยมได้จากโฆษณาที่ปรับแล้วปรับอีกถึง 3 ครั้ง จาก 50,000 มา 80,000 และ 100,000 มาถึงสูงสุดถึง 135,000 บาท
…ถึงขนาดที่ ประวิทย์ มาลีนนท์ คุยฟุ้งว่า ไม่เคยมีรายการใดในช่วงเช้า ที่สร้างเรตติ้งให้ช่อง 3 มากมายถึงขนาดนี้
แคมปัสทัวร์ ยุทธการรักษาเรตติ้ง
สิ่งที่ช่อง 3 กลัวที่สุด เมื่อรายการใดถึงจุดสูงสุด ย่อมต้องเผชิญกับช่วงขาลง สรุยทธ สุทัศนะจินดา ในฐานะโปรดิวเซอร์ของรายการ ยอมรับว่า เรื่องเล่าเช้านี้ ตอนนี้ต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้าง เพื่อไม่ให้รายการถึงจุดอิ่มตัวเร็วเกินไป
สิ่งที่ทำในขณะนี้ คือ การออกแคมปัสทัวร์ไปจัดรายการตามสถานที่ต่างๆ ทุกๆ วันจันทร์ เพื่อไม่ให้รายการเกิดความซ้ำซาก จำเจ โดยมีแผนที่จะเริ่มต้นจากสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัย มัธยม และในอนาคตมีแผนที่จะเข้าไปแคมปัสทัวร์ตามตลาดสด ชุมชนเมืองอีกหลายแห่ง
แคมปัสทัวร์เป็นการขยายตลาดผู้ชม แฟนรายการ โดยมุ่งกลุ่มชาวบ้าน ซึ่งเป็นฐานใหญ่ในการเจาะตลาดผู้ชม ซึ่งเป็นหนทางหนึ่งที่จะรักษาเรตติ้งของรายการให้ดำรงอยู่ต่อไป