“Movie Download”Model ใหม่แห่งอุตสาหกรรมบันเทิง

Movie Download เทรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาเขย่าตลาดอุตสาหกรรมบันเทิงในปี 2006 ยืนยันความอลังการจาก Big Players ทั้งในฮอลลีวู้ดและไอที ต่างหมายมั่นปั้นมือหวังกอบโกยให้ได้มากที่สุด ตามรอยความสำเร็จของ Apple และ iPod ในธุรกิจดาวน์โหลดเพลง ล่าสุดดาราออสการ์รุ่นเก๋า “มอร์แกน ฟรีแมน” กระโดดเข้าร่วมวง ผนึกพันธมิตร “โซนี่ พิคเจอร์” และ “อินเทล” เซ็ตอัพ “Click Star” ลุยธุรกิจดาวน์โหลดภาพยนตร์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกับไมโครซอฟท์ แอปเปิ้ล โซนี่และแนบสเตอร์ต่างแสดงเจตนารมณ์เดียวกัน

จับตาตลาด DVD อาจถึงคราวต้องอวสาน เพราะทีเด็ดของ Movie Download อยู่ที่เมนูด่วนอย่าง Box Office และภาพยนตร์พรีเมียม สามารถพร้อมเสิร์ฟผู้บริโภคได้ในทันที…ก่อนที่ภาพยนตร์จะลงโรงฉายด้วยซ้ำ!!

หลังจากหลายยักษ์ในแวดวงบันเทิงและไอทีต่างจับตามองด้วยความริษยากับความสำเร็จของ iPod และแอปเปิ้ลเจ้าตลาดดาวน์โหลดเพลงมากว่าขวบปี ขณะเดียวกันต่างก็ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะดาวน์โหลดภาพยนตร์ส่งตรงถึงมือผู้บริโภคได้เฉกเดียวกับเพลง โดยฉวยช่องว่างของ DVD ที่ดูจะช้าไปสำหรับบรรดาคอหนังที่ต้องการเสพด่วน

ดังนั้นไอเดีย Movie Download Model จึงอุบัติขึ้น สอดคล้องกับพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีเครือข่ายไฮสปีดให้มีประสิทธิภาพความคมชัดที่เหนือกว่า DVD ผนวกเข้ากับ WI-FI Home เครือข่ายเทคโนโลยีใหม่ที่จะเปิดตลาดปลายปีนี้ ซึ่งสามารถส่งภาพดาวน์โหลดจากพีซีไปยังเครื่องรับโทรทัศน์ และแน่นอนกระแสเทคโนโลยี Handful หรือนัยหนึ่งคือกระแสวัฒนธรรมการเสพอุปกรณ์เทคโนโลยี จะมีส่วนช่วยผลักดันธุรกิจภาพยนตร์ออนไลน์ให้เข้าสู่ความนิยมอีกด้วย ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกับการเริ่มต้นของธุรกิจดาวน์โหลดเพลง

ถึงแม้จะมีกระแสคัดค้านว่า ธุรกิจดังกล่าวอาจจะไปไม่ได้สวยดังเช่นธุรกิจดาวน์โหลดเพลง เนื่องจากดูเป็นการขัดผลประโยชน์สตูดิโอรายใหญ่ไปเต็มๆ เพราะต้องยอมรับว่า ภาพยนตร์บางเรื่องที่ขึ้นชื่อว่าทำเงินนั้น รายได้ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการฉายผ่านทางโรงภาพยนตร์ แต่เป็นรายได้จากการขาย DVD หลังจากที่หนังลาโรงต่างหาก อาทิ Passion of the Christ ของ “เมล กิ๊บสัน” ผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับและดาราฮอลลีวู้ด

แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า สตูดิโอยักษ์ใหญ่แสดงท่าทีตอบรับและโดดเข้ามาเล่นด้วยตัวเองเสียด้วย โดยเห็นด้วยกับความคิดที่ว่า นำภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดมาทำเป็นดิจิตอล ฟอร์แมตแล้วส่งตรงไปยังเครือข่ายบ้าน และท้ายที่สุดของเกมนี้จะจบลงที่ทฤษฎีwin-win ผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่าย ได้รับชมภาพยนตร์รวดเร็วทันใจ ภาพเสียงคมชัดด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ถูกพัฒนาขึ้นมารองรับ ส่วนบริษัทผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจต่างก็ได้ฐานลูกค้าที่กว้างใหญ่ไพศาล ที่สำคัญก็คือเป็นการล้างเผ่าพันธุ์พวกละเมิดลิขสิทธิ์ไปในตัว

อินเทล- มอร์แกน
คู่หูคู่ใหม่

มีการเปิดเผยว่า อินเทล ผู้ประกอบการรายใหญ่ในอุตสาหกรรมไอทีได้ร่วมมือกับ “มอร์แกน ฟรีแมน” ผู้อำนวยการสร้างและดาราออสการ์ ที่เพิ่งมีผลงานการแสดงล่าสุดผ่านสายตาผู้ชมไปคือ Batman Begin กำลังวางแผนการลงทุนเพื่อเป้าหมายในการเปิดตลาดภาพยนตร์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยบริษัทใหม่ของทั้งคู่ชื่อว่า “Click Star” พร้อมทั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่า จะดำเนินการส่งหนังพรีเมียมก่อนฉายจริงไปยังกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลก ขจัดจุดอ่อนที่ปัจจุบันภาพยนตร์ทางอินเทอร์เน็ตส่วนมากจะเป็นลักษณะ Movie Link และภาพยนตร์ที่ออนไลน์ได้นั้นต้องผ่านการฉายในโรงภาพยนตร์ ต่อเนื่องกระทั่งผลิตออกมาเป็นโฮมวิดีโอ จึงจะสามารถนำมาออนไลน์ได้ ซึ่งขัดกับความต้องการของผู้บริโภค

วัตถุประสงค์ของ Click Star คือการนำเสนอสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการได้ในทันท่วงที ไม่ใช่เป็นแค่ทางเลือกที่ถูกบังคับให้ต้องเลือกอย่างที่ผ่านมา ส่วนสุดยอดปลายทางของธุรกิจนั้น Click Star ต้องการให้ผู้ชมภาพยนตร์สามารถรับชมได้ผ่านทางอุปกรณ์เทคโนโลยีแบบเดียวกับ iPod ที่ประสบความสำเร็จไปแล้วกับธุรกิจดาวน์โหลดเพลง ทั้งยังจะเป็นเวทีให้กับกลุ่มคนทำหนังอิสระคุณภาพให้มีช่องทางกระจายภาพยนตร์ของพวกเขาเข้าตรงถึงตลาดได้มากยิ่งขึ้น

ว่ากันว่าฟรีแมนนั้นกำลังพยายามใช้สายสัมพันธ์ต่อสายสตูดิโอรายยักษ์อย่าง “โซนี่ พิคเจอร์” ให้เข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการป้อนภาพยนตร์ และดูเหมือนทางโซนี่ พิคเจอร์จะตอบรับด้วยการส่ง “นิซาร์ อัลลิบฮอย” หัวหอกคนสำคัญของค่ายมามีส่วนร่วมในการบริหาร แต่อุปสรรคยังมีอยู่ที่ว่า ทางโซนี่ฯ ยังหวังเม็ดเงินอีกขาด้วยการประกาศลงทุน online chanel โปรโมตหนังในค่าย ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงก็ยังคาดเดาไม่ออกว่า การกระทำของโซนี่ฯ จะส่งผลดีหรือขัดผลประโยชน์ของ Click Star หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ณ ขณะนี้ online chanel ของโซนี่ฯ ก็ยังไม่ได้อุบัติขึ้น

อย่างไรก็ตามทั้งอินเทลและฟรีแมนต่างยอมรับว่า ทุ่มเวลาศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจมาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว หากใครไปเที่ยวชมเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ก็คงมีโอกาสได้ชื่นชมกับระบบ “ดิจิตอล โฮม” ที่ทาง Click Star หอบหิ้วมาสาธิตถึงในงาน

แอปเปิ้ล-โซนี่
กับศึกครั้งใหม่ใครกันแน่ที่จะเข้าวิน?

“โซนี่” ยักษ์ใหญ่แห่งแดนซากุระกำลังเพ่งมองตลาดภาพยนตร์ออนไลน์อย่างหิวกระหาย พร้อมทั้งวางแผนที่จะนำภาพยนตร์ถึง 500 เรื่องปูพรมตลาดออนไลน์ ซึ่งก้าวเดินครั้งนี้ของโซนี่จะไม่ได้จำกัดตัวเองเป็นแค่ Movie Link อย่างที่เคยเป็นมาอีกต่อไป

โซนี่พลาดมาแล้วหนึ่งครั้งจากตลาดดาวน์โหลดเพลง เหตุเพราะแอปเปิ้ลได้ช่วงชิงความเป็นผู้ครองใจผู้บริโภคผ่านทาง iPod ซึ่งในปีที่ผ่านล่วงมาถึงปัจจุบันทำยอดขายได้ราวกับขนมเค้กร้อนๆ ส่งผลให้โซนี่ผู้เคยครองใจวัยฮิบในช่วงทศวรรษที่ 80 กับผลิตภัณฑ์วอล์กแมนอิจฉา!!

ปัจจุบันโซนี่กำลังมองไปถึงอนาคต โดยเห็นว่า หากตลาดเพลงเคลื่อนที่กำลังเป็นเค้กชิ้นใหญ่ในปัจจุบัน ภาพและเสียงเคลื่อนที่ก็ต้องเป็นเทรนด์ใหม่ในอนาคตแน่นอน

อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องไม่ง่ายนักสำหรับโซนี่ เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายสำคัญอย่าง “แอปเปิ้ล” ที่ในเชิงเทคโนโลยีนั้นมีความโด่งดังในความเป็นผู้นำ H 264 Codec, Mac Osx10.4 และ Quick Time 7 ดังนั้นแอปเปิ้ลจึงดูมีโอกาสและศักยภาพสูงกว่าในการที่สตูดิโอหนังต่างๆ จะเลือกลงทุนกับแอปเปิ้ลมากกว่าจะเลือกโซนี่

นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้โซนี่ตัดสินใจเข้าพวกกับ Click Star ซึ่งได้ตกลงพัฒนาระบบเครือข่ายกับไมโครซอฟท์ในเบื้องแรก โดยพุ่งเป้าไปยังผู้บริโภคที่ใช้ ไมโครซอฟท์ วินโดว์ส

ความน่าสนใจจึงเปลี่ยนประเด็นไปที่ว่า โซนี่มีความได้เปรียบในเชิงเป็นแหล่งผลิตผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคต้องการ แต่ขาดความชำนาญในเรื่องเทคโนโลยีที่แอปเปิ้ลมีศักยภาพสูงกว่า แต่เมื่อโซนี่ตัดสินใจเข้าร่วมกับ Click Star ซึ่งดึงไมโครซอฟท์มาเข้าพวก

ดังนั้นในยกนี้โซนี่จะชนะแอปเปิ้ลได้หรือไม่นั้น คงต้องยกหน้าที่ให้แม่ทัพใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ต่อกรกับแอปเปิ้ล!!

เกมภาพยนตร์ ดาวน์โหลดกำลังจะอุบัติขึ้นในปี 2006 นอกเหนือจากผู้เล่นข้างต้นแล้ว Napster หนึ่งในผู้เล่นของอุตสาหกรรมบันเทิงก็เตรียมเข้าร่วมวงด้วยเช่นกัน แม้ตลาดเพลง Napster จะครองส่วนแบ่งการตลาดเพียงแค่ 11% ห่างไกลจากตัวเลข 70% ที่แอปเปิ้ลกอดไว้อยู่ แต่ Napster ก็ยังมีความหวังที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจภาพยนตร์ ดาวน์โหลดที่จะเปิดขึ้นในอนาคต ความเอาจริงเอาจังของ Napster ในครั้งนี้ยืนยันจากปากของ คริส โกรอก ซีอีโอของ Napster ถึงแผนเปิดให้บริการระบบ HDTV version of movie โดยเขาได้ประกาศชัดเจนที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์

เรื่องราวข้างต้นคงพอจะช่วยให้เห็นภาพร่างของ Movie Down Load Model ส่วนสตูดิโอรายใดจะเข้าร่วมกับใครบ้างนั้น แว่วมาว่า กำลังขะมักเขม้นเจรจาอยู่หลายต่อหลายคู่ ซึ่งผลการเจรจาจับขั้วน่าจะมีการตัดสินใจในเร็ววันนี้ เพราะสตูดิโอรายใหญ่ขาดความแข็งแกร่งทางด้านเทคโนโลยี ดังนั้นการลงทุนด้วยตัวเองจึงเป็นหนทางที่เสี่ยงเกินไป

มอร์แกน ฟรีแมนได้กล่าวสรุปถึงธุรกิจใหม่ของเขาว่า “เรียบง่ายและมีเสน่ห์ ถูกต้องตามลิขสิทธิ” เมื่ออ่านย้อนไปยังหนึ่งในผู้บริหารของอินเทลที่กล่าวว่า “มีศักยภาพ ทันใจและถูก” หากเป็นเช่นนั้นจริง ในปี 2006 โมเดลธุรกิจบันเทิงจะต้องปรับเปลี่ยนรูปโฉมอีกครั้ง DVD อาจถึงคราวต้องจบเกมเพราะอ่อนด้อยในเรื่องข้อจำกัดทางด้านเวลาและเทคโนโลยี เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ก็จะหมดไปเช่นกัน ข้อสันนิษฐานอันนี้จะถูกหรือผิด เราในฐานะผู้ดูข้างขอบสนามน่าจะได้คำตอบในปีหน้า