ป้ายโฆษณาที่ไม่ใหญ่แต่เห็นบ่อย และมีเจ้าเดียวในตลาดสื่อนอกบ้าน ต้องยกให้ MUPI (Maximum Urban People Informed) ของ JCDecaux หรือเจซีเดอโก ที่บ้างครั้งอาจสร้างความรำคาญสายตาให้กับผู้รอรถเมล์อยู่บ้าง เพราะ MUPI จะกระจายอยู่ตามป้ายรถเมล์ทั่วกรุงเทพฯ และชานเมืองที่ความเจริญใกล้ความเป็นเมืองแล้ว แต่หากความสวยงาม และการออกแบบที่สร้างสรรค์ทำให้หลายคนมองแล้วมองอีกกับสื่อโฆษณาชนิดนี้
เจ้าของมีเดีย : JCDecaux Thailand
ประเภทสื่อ : ป้ายโฆษณาทั้งหมดประมาณ 1,500-1,600 จุด
ลักษณะ : ป้ายโฆษณาขนาด 1.2x 1.8 เมตร อยู่บนฟุตบาท บริเวณใกล้ป้ายรถเมล์
ราคา และเป้าหมายทางการตลาด : แบ่งเป็น 4 แพ็กเกจ
– Pack Prime อยู่ในย่านชุมชน ย่านธุรกิจ ที่มีจำนวนรถผ่านทั้งหมด 2.5 ล้านคัน ในเวลา 12 ชั่วโมง เสนอขายแพ็กละ 50 จุด มี 8 แพ็ก ราคาจุดละ 4,950 บาท เหมาะสำหรับสินค้าที่เน้นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เช่น โฆษณาน้ำหอม
– Pack teenage อยู่ในย่านโรงเรียน แหล่งที่มีวัยรุ่นจำนวนมาก มีรถผ่าน 2.2 ล้านคันในเวลา 12 ชั่วโมง เสนอขายแพ็กละ 50 จุด มี 3 แพ็ก ราคาจุดละ 3,750 บาท เหมาะสำหรับสินค้าที่เน้นกลุ่มวัยรุ่น โคโลญจ์สำหรับวัยรุ่น
– Pack Broadcast มีรถผ่าน 3.5 ล้านคัน ในเวลา 12 ชั่วโมงอยู่กระจายในพื้นที่วงกว้าง เสนอขายแพ็กละ 100 จุด มี 1 แพ็ก ราคาจุดละ 2,750 บาท เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการกระจายสู่ผู้บริโภคจำนวนมากในวงกว้าง เช่น โฆษณาหนังใหม่
– Pack Broadcast Plus มีรถผ่าน 6 ล้านคัน ในเวลา 12 ชั่วโมง มีเพิ่มเป็น 200 จุด จุดละ 2,750 จุดเช่นกัน
จุดเด่น : ลักษณะของป้ายที่ออกแบบมาในขนาดที่ได้รับการวิจัยมาแล้วว่าเป็นป้ายขนาดเหมาะสมที่ผู้ดูสื่อสนใจ และจุดการติดตั้งของป้ายจะหันหน้าเข้าหาผู้บริโภค (Head on Panel)
เป้าหมายทางการตลาด : สร้างความถี่ ด้วยระยะห่างของป้าย และครอบคลุมทั่วพื้นที่ ทำให้ผู้บริโภคเห็นสื่อและจดจำได้ง่าย เหมาะทั้งสินค้าที่ต้องการสร้างแบรนด์ และโปรโมชั่น
เป้าหมายกลุ่มผู้บริโภคสื่อ : ผู้ขับขี่รถยนต์ (ไม่รวมรถจักรยานยนต์) และคนเดิน
ประสิทธิภาพสื่อ : เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เหมาะสำหรับสินค้าที่มีเป้าหมายเลือกกลุ่มผู้บริโภคที่ชัดเจน
“มัพปี้” สื่อฟีเวอร์
เจริญ ประดิษฐ์สกุล เอ็มดี ซิงค์ กรุ๊ป มีเดีย เอเยนซี่ที่เชี่ยวชาญด้านโฆษณาและวางแผนสื่อ ให้ทัศนะว่า
Mupi จัดเป็นสื่อที่ได้รับความฮือฮาไม่น้อยและกำลังเป็นที่นิยม และได้ผลในด้านการตลาด มีจุดเด่นในแง่ image เป็นป้ายโฆษณาที่ทำจากไลท์บ็อกซ์ สวยงาม อีกทั้งยังเป็นสื่อ out of home ที่มี long life ยาวนานตลอดทั้งวัน หากเป็นกลางคืนก็เปิดไฟได้ อีกทั้งยังได้ frequency ในการเห็นของคนได้จำนวนมาก ยิ่งไปโฆษณาในทำเล
“ตอนนี้มี mupi ทำให้ป้าย TriVision ซึ่งเดิมได้รับความนิยม เป็นสื่อเชยไปแล้ว ทั้งนี้เพราะมัพปี้เป็นสื่อที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคปัจจุบันที่นิยมออกทำกิจกรรมนอกบ้าน และยังเป็นสื่อที่มี Innovative ในตัวมันเอง มี class ที่ไม่ได้ดูราคาต่ำ”
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สื่อมัพปี้กำลังมีคู่แข่งอีกราย คือ ป้ายที่ใกล้จุดจอดแท็กซี่อัจฉริยะที่ตั้งอยู่ใกล้ป้ายรถเมล์ ซึ่งอนาคตกำลังจะกลายเป็นสื่อใหม่ เพราะมันมีรูปแบบคล้ายคลึงกับมัพปี้มาก อีกทั้งยังติดตั้งอยู่ไกลกันมาก
เช่นเดียวกับนักวางแผนสื่อ สุภาณี เดชาบูรณานนท์ ค่ายมายด์แชร์ มีเดียเอเยนซี่ในเครือ WPP Group ให้ภาพกรณีตัวอย่างการใช้สื่อมัพปี้ว่า สินค้าที่บริษัทเคยเลือกใช้สื่อมัพปี้และประสบความสำเร็จ คือ KFC ซึ่งได้ใช้สื่อโฆษณาในช่วงแนะนำเมนูใหม่ และทำในระยะเวลาสั้นไม่กี่เดือน สามารถส่ง massageในเชิงแนะนำสินค้าอย่างได้ผล ขณะเดียวกันยังเป็นสื่อราคาไม่แพงมากนัก ทำให้ต้นทุนผลิตต่ำ โดยสามารถเลือกโฆษณาในทำเลใจกลางเมือง ซึ่งเป็นย่านอาศัยของกลุ่มเป้าหมายลูกค้าไก่เคเอฟซี
กรณีตัวอย่างการใช้ Mupi
บริษัท ฮัทซิสัน ซีเอทีไวร์เลส มัลติมีเดีย หรือ Hutch เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่ใช้รูปแบบการโฆษณาที่แตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยการเลือกป้ายโฆษณาสองข้างถนนที่เรียกว่า Mupi จำนวน 200 ป้ายกระจายทั่วสองข้างถนนในเขตกรุงเทพฯ โดยใช้พื้นที่ป้ายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง 400 หน้า
เนื่องจาก Mupi เป็นรูปแบบโฆษณา Out of home ที่มีต้นทุนต่ำ และสร้างการรับรู้ในกลุ่มเป้าหมายระดับแมส อาทิ คนใช้ถนน คนรอรถประจำทาง คนขับรถ และผู้โดยสารบนรถประจำทาง ซึ่งเป็นสื่อที่มีกลุ่มเป้าหมายปริมาณมาก และมีความถี่ในการพบเห็นสูง โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้เส้นทางเดิมเป็นประจำทุกวัน
โดย Hutch เริ่มใช้โฆษณาผ่าน Mupi มาประมาณ 2-3 ปี แต่เลือกใช้เฉพาะสินค้าที่ต้องการกลุ่มเป้าหมายระดับแมส อาทิ Hutch ราคาเครื่อง 999 บาท หรือซื้อ 1 แถม 1 เป็นต้น
ปัจจุบัน Hutch ให้น้ำหนักกับโฆษณานี้ประมาณ 15-20% จากงบโฆษณาผ่านสื่อ Out of home รวมทั้งหมด 25% เนื่องจากเป็นโฆษณาที่สามารถสร้างการรับรู้ให้กลุ่มเป้าหมายได้ดี
จุดเด่น Mupi
1. เหมาะสำหรับเป้าหมายสินค้ากลุ่มบันเทิง อาทิ ภาพยนตร์ คอนเสิร์ต และสินค้าไอทีแบบคอนซูเมอร์
2. ใช้กับสินค้าที่ต้องการใช้ต้นทุนการตลาดต่ำ



